พิชิต เปิดใจหลังลาออก รมต. ลั่นยังชื่นบาน

View icon 87
วันที่ 22 พ.ค. 2567
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - ในที่สุดก็ทานกระแสไม่ไหว หลังถูก 40 สว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ล่าสุด นายพิชิต ชื่นบาน ได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับตำแหน่ง รวมระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 19 วัน

"พิชิต" เปิดใจหลังลาออก รมต. ลั่นยังชื่นบาน
ทั้งนี้ กลุ่ม 40 สว. ได้ยื่นวินิจฉัยคุณสมบัติทั้ง นายพิชิต และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ออกคำสั่งแต่งตั้ง โดยศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ ในวันที่ 23 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม นายพิชิต ไม่รอถึงวันนั้น ได้ตัดสินใจจรดปากกาเซ็นใบลาออกเมื่อวานนี้ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรกับสื่อมวลชนมากนัก บอกแค่ว่าเหตุผลอยู่ในใบลา ยังชื่นบาน และไม่มีอะไรกดดัน

หลังปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 นายพิชิต เป็นคนที่ 3 ที่ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรี คนแรกก็คือ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามด้วย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

เดี๋ยวไปเปิดจดหมายลาออกของ นายพิชิต เพื่อดูเหตุผลการลาออกกันหน่อย ในจดหมาย ระบุว่า ชีวิตตนยึดมั่นในความบริสุทธิ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประกอบวิชาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยความชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่เมื่อมีการยื่นคำร้องและพาดพิงไปถึง นายกรัฐมนตรี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินของ นายกรัฐมนตรี จึงไม่ยึดติดกับตำแหน่งในลักษณะยึดถือประโยชน์ส่วนตน ยิ่งกว่าประโยชน์ส่วนรวม จึงขอลาออกจากการดำรงตำแหน่ง ให้มีผลนับแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป

"เศรษฐา" ขอบคุณสปิริต "พิชิต" ลาออก เปิดทางรัฐบาลทำงานต่อ
ด้าน นายกฯ เศรษฐา ว่าอย่างไร ตอนนี้อยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี หลังทราบว่า นายพิชิต ยื่นหนังสือลาออก ได้ให้ความเห็นว่า เป็นการเสียสละ กรณีนี้มีคำถามและมีข้อข้องใจเยอะ ตัวท่านไม่อยากเป็นภาระของรัฐบาล จึงแสดงสปิริตออกมา ต้องขอขอบคุณ

กลุ่ม 40 สว.ชี้ความผิดสำเร็จแล้ว ลั่น "พิชิต" ลาออกไม่เป็นผล
ไปดูความเห็นฝั่ง 40 สว.กันบ้าง นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ซึ่งเป็น 1 ใน 40 ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา และ นายพิชิต กล่าวถึงกรณี นายพิชิต ชิงลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาจะรับหรือไม่รับคำร้องในวันที่ 23 พฤษภาคม ว่า การลาออกของ นายพิชิต คงตัดตอนได้เฉพาะตัวเองเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงกรณีของ นายเศรษฐา ที่เป็นผู้แต่งตั้ง นายพิชิต เป็นรัฐมนตรี จะต้องไปพิสูจน์ตัวเองต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามีความรอบคอบเพียงใดในการแต่งตั้งรัฐมนตรี ทั้งที่ควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต มีปัญหาเรื่องขัดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

อย่างไรก็ตาม ถ้า นายพิชิต มั่นใจว่าดำเนินการทุกอย่างถูกต้อง จะลาออกทำไม แสดงว่ายอมรับว่าทำผิดใช่หรือไม่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อนายกฯ แต่ถ้า นายพิชิต สู้คดี แล้วพิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง นายกฯ ก็จะหลุดพ้นไปด้วย การตัดตอนตัวเองเช่นนี้ เพราะรู้ว่าทำผิดใช่หรือไม่ ทั้งนี้ สำหรับเหตุผลในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

ก่อนหน้านี้ นายดิเรกฤทธิ์ เคยให้เหตุผลว่า กรณีของ นายพิชิต มีข้อเท็จจริงปรากฏให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลให้จำคุก มีคำบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงของศาลที่ชัดเจนว่ามีพฤติกรรมทุจริตติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ จึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นที่มาของฉายา "ทนายถุงขนม" ที่สื่อรู้จักกัน เนื่องจากเคยมีข้อกล่าวหาว่า นายพิชิต เคยหิ้วถุงขนมแต่ภายในใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลย จึงเป็นเหตุให้ทาง 40 สว. ยกมายื่นพิจารณาคุณสมบัติต่อศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ หากศาลไม่รับ ทุกอย่างจบ แต่หากศาลรับ ขยักแรกต้องลุ้นกันต่อว่าจะมีการสั่งให้ นายเศรษฐา หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ส่วนขยักต่อมา หากมีการวินิจฉัยว่ามีความผิด นายเศรษฐา ก็จะหลุดจากตำแหน่ง สภาจะต้องเลือก นายกฯ คนใหม่จากแคนดิเดตที่มีการเสนอชื่อไว้ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งบางคนว่ากันว่าอาจจะมีการคัมแบ็กกลับมาของชายที่ชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็เป็นได้