นายกฯ เห็นด้วย รมว.คลัง จ่อถกผู้ว่าแบงก์ชาติ

View icon 64
วันที่ 7 พ.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ เผยแบ่งงาน รองนายกฯ - รมต.ใหม่ แล้ว  ไม่กังวล ปชช.ให้คะแนนรัฐบาลน้อย เห็นด้วย “พิชัย” จ่อถกผู้ว่าฯแบงก์ชาติ หาทางออกร่วมกัน ยันทำงานระบบราชการไม่มีปัญหา

เช้าวันนี้ (7 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สวมชุดขาวเดินลงตึกไทยคู่ฟ้า มายังสนามบริเวณสนามหญ้า เพื่อมาดูความพร้อมผังการถ่ายรูปคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้มีความเป็นห่วงสภาพอากาศ หากรัฐมนตรีมาจะได้รีบถ่ายภาพร่วมกัน ส่วนการประชุม ครม.วันนี้จะมีการแบ่งงาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีใหม่ ซึ่งตนมีแนวทางไว้เรียบร้อยแล้วถึงร้อยละ 95 หลังจากนี้จะมีการพูดคุยกัน

การประชุม ครม. ในวันนี้ก็จะมีการเน้นย้ำ รัฐมนตรีเก่า ที่มีงานช่วยเหลือประชาชนค้างอยู่ และจะเน้นย้ำนโยบายทุกเรื่องตามที่ได้แถลงไว้กับรัฐสภา โดยจะยึดหลักความเหมาะสม และความสามารถของแต่ละบุคคลในการแบ่งงานให้รับผิดชอบ ทั้งนี้จุดมุ่งหมายหลักของตนหลังปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว ผลงานจะต้องดีขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่ารัฐมนตรีคนเก่าไม่ดี แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าประชาชนจะเชื่อมั่น ครม.ชุดนี้ แต่อย่างไรก็ตามขอความเป็นธรรมให้กับคณะรัฐมนตรีด้วยเพราะนโยบายบางอย่างต้องค่อยเป็น ค่อยไป เช่น เรื่องของการลงทุน การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน สิทธิเสรีภาพ

ส่วนนายกรัฐมนตรีจะสบายใจขึ้นหรือไม่ หลังนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อลดความขัดแย้งนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ทุก ๆ การเคลื่อนไหว หากช่วยลดความขัดแย้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม และสมควรที่จะทำ มั่นใจว่า ถ้าทั้ง 2 ฝ่าย พยายามที่จะพูดคุยกัน ก็จะเป็นเรื่องที่ดี โดยจะนำมาซึ่งการสนับสนุนงานของรัฐบาลได้

ขณะที่ประชาชนให้คะแนนผลงานของรัฐบาลตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 6-7 คะแนน ซึ่งหลังจากปรับ ครม. จะขับเคลื่อนงานอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การให้คะแนนจากประชาชนถือเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง ซึ่งการที่มายืนอยู่ตรงนี้ ถือเป็นหน้าที่ ที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนเหล่านั้น ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึง 10 อยู่ดี จึงต้องพยายามทำงานต่อไป พร้อมกับยืนยันว่า ระบบการทำงานของภาคส่วนราชการก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ

ส่วนเรื่องการตั้งตัวชี้วัด หรือ KPI ให้กับรัฐมนตรีคนใหม่นั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันว่า บางเรื่องจะต้องแล้วเสร็จภายในเมื่อไหร่ แต่ก็อาจจะมีตัวแปรอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นตัวชี้วัดก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตัวเองไม่ได้กำหนดว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยบางเรื่องอาจจะจบภายใน 2 สัปดาห์ แต่บางเรื่องอาจจะใช้เวลานานนับปี เพราะแต่ละเรื่องใช้เวลาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามตนเองเชื่อมั่นว่า ครม. ชุดใหม่ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก