ตัดไฟวัยรุ่นไทใหญ่ เหิมเกริมไล่ฆ่าคนรายวัน

View icon 161
วันที่ 4 พ.ค. 2567
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ที่จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงที่ผ่านมา วัยรุ่นไทใหญ่ตั้งแก๊งออกป่วนเมือง สร้างความปวดหัวให้กับทั้งตำรวจและชาวเชียงใหม่ สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ไปลงสนามข่าวกับ คุณเกรียงไกร รัตนา

นี่เป็นภาพวงจรปิดในช่วง 03.00 น. ของวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มคนร้ายเข้าทำร้ายวัยรุ่นชายสองคน ที่เป็นชาวไทใหญ่ เช่นเดียวกัน ขณะกำลังขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ในซอยเสียงสามยอด ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่

โดยคนที่รอดชีวิต เล่าว่า ขณะกลับจากทำงานร้านอาหารในตัวเมือง กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขี่รถไล่หลัง ตามท้าทายหาเรื่องจากในเมือง แต่ตนเองและเพื่อนขับหนี แต่สุดท้ายพอมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายขว้างระเบิดใส่ แต่ระเบิดไม่ทำงาน แต่รถจักรยานยนต์ล้มลง คนร้ายได้วิ่งลงมาเอามีดฟันตนเองบาดเจ็บ ส่วนเพื่อนถูกแทงเสียชีวิต

หลังเกิดเหตุเพียงวันเดียว ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด 4 คน เป็นวัยรุ่นไทใหญ่ทั้งหมด รวมตัวกันในชื่อ "ซามูไรศรีบุญยืน" ผู้ต้องหาให้การว่าก่อนก่อเหตุ ได้รวมตัวกันดื่มสุรา แล้วเกิดความคึกคะนอง จึงออกตามหาผู้โชคร้ายที่เป็นวัยรุ่นไทใหญ่เหมือนกัน เพื่อลงมือทำร้ายร่างกาย เพื่อความสะใจ เบื้องต้นตำรวจได้ดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธมีด ไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

สำหรับคดีนี้ไม่ใช่คดีแรก เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคดีวัยรุ่นป่วนเมืองหลายคดี และพบว่าขณะนี้มีแก๊งวัยรุ่นไทใหญ่ในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 10 แก๊ง ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้การให้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศเคอร์ฟิวห้ามเยาวชนต่ำกว่า 18 ปี ออกจากบ้านหลัง 22.00 น. ถือเป็นการทำงานเชิงรุกแบบปะฉะดะ ใส่กลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ เพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ก่อนลุกลามเป็นกลุ่มอาชญากรรมใหญ่

ทีมข่าวย้อนลงพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าถัดจากจุดเกิดเหตุไปเพียง 200 เมตร เป็นชุมชนขนาดใหญ่และมีชาวไทใหญ่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในชาวไทใหญ่ย่านดังกล่าว ได้บอกว่า ช่วงนี้มีความหวาดกลัว เพราะวัยรุ่นไทใหญ่ มักจะรวมกลุ่มกันออกอาละวาด และทำร้ายคนไม่เลือกหน้า

หลังจากนี้เป็นโจทย์ใหญ่ ที่ตำรวจเชียงใหม่ต้องตีให้แตกว่าจะสะกัดกลุ่มอันธพาลได้อย่างไร เพราะการออกมาป่วนเมืองตอนกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นคนไทใหญ่ หรือ วัยรุ่นเชียงใหม่ ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายทั้งสิ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ ต้องมัวหมองไปด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง