ไฟป่าอันตราย กรมอุทยานฯ งัดดาวเทียม-โดรน สารพัดเทคโนโลยีเข้าแก้ปัญหา

View icon 95
วันที่ 25 เม.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กรมอุทยานฯ งัดดาวเทียม-โดรน-เฮลิคอปเตอร์-วอร์รูม ทุกเทคโนโลยีเข้าแก้ปัญหาไฟป่า หลังความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี

ไฟป่า วันนี้(25 เม.ย.2567) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า เปิดเผยถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ไขและลดปัญหาการเกิดไฟป่าในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันไฟป่าในประเทศไทยมีความรุนแรงมากขึ้นและล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์แทบทั้งสิ้น ทั้งที่เกิดจากความจงใจเผาป่าหรือประมาทเมื่อเข้าไปทำกิจกรรมในพื้นที่ป่า รวมถึงความผันแปรของสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิของโลกสูงที่ขึ้นและมีฤดูแล้งที่ยาวนาน ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ป่าโดยตรง นอกจากจะมีการระดมกำลังคนในการช่วยดับไฟป่าในพื้นที่ ยังมีการใช้เครื่องมือหรือ “เทคโนโลยีช่วยดับไฟ” เพื่อให้ปัญหาการลุกลามของไฟป่าลดลงหรือช่วยป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่ได้ เพราะการดับไฟป่า เป็นขั้นตอนของงานควบคุมไฟป่าที่หนักที่สุดและเสี่ยงอันตรายที่สุด ทุกอย่างจะต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์และพฤติกรรมของไฟที่สามารถผันแปรและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการนำเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำมาช่วย จึงทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูล หาแนวทางป้องกัน และช่วยแก้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่ได้อย่างทันเหตุการณ์

โดยกรมอุทยานฯ มีการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าภาคเหนือจะพบจุดเกิดไฟป่า(Hotspots) ในพื้นที่เขตจังหวัดตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอนบ่อยครั้ง จึงมีการใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม ตรวจหาจุดเกิดไฟป่าร่วมกับจิสด้า (Gistda : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ องค์การมหาชน) เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และสนับสนุนข้อมูล ด้วยการตรวจหาไฟป่าโดยการใช้ดาวเทียมในระบบ VIIRS จากดาวเทียม SOUMI NPP ตรวจหาจุด Hotspots ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึงป่าอื่นๆทั่วประเทศ โดยดาวเทียมจะเป็นเครื่องมือในการตรวจพบความร้อน ซึ่งมีโอกาสเป็นบริเวณที่เกิดไฟไหม้ (Hotspots)ได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ยังใช้เฮลิคอปเตอร์ในการบินสำรวจ ส่งเจ้าหน้าที่ฯ และลำเลียงน้ำเข้าไปใช้ในการดับไฟและมีการลาดตระเวนตรวจหาไฟป่าทั้งทางพื้นดิน/หอดูไฟ/อากาศยาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีตรวจหาไฟจากอากาศยานไร้คนขับหรือโดรน (Drone) มาช่วยด้วย ซึ่งการใช้โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับบินสำรวจตรวจจับความร้อน ป้องกันเหตุไฟป่า มีวิธีการคร่าว ๆ คือ จะใช้โดรนบินลาดตระเวนและส่งภาพแบบทันที (Real Time) หากจุดไหนพบความร้อน โดรนจะส่งข้อมูลเข้าไปในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีโดรน ยังมีศักยภาพในการบินตรวจการณ์ได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง และมีรัศมีทำการได้ไกล จะทำให้รู้ได้ว่าพื้นที่ใดกำลังจะเกิดการปะทุ หรือมีความร้อนใต้ดิน ทราบข้อมูลและสามารถสั่งการในการดับไฟป่าได้ทันท่วงที

"การนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้โดยเฉพาะเรื่องโดรน บินตรวจพื้นที่ป่า ตรวจจุดความร้อน เพื่อป้องกันคนไม่ให้ลักลอบเข้ามาทําลายป่าหรือเผาป่า ซึ่งหากมีการบินตรวจด้วยโดรนทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เจ้าหน้าที่รีบสกัดและเข้าพื้นที่ดับไฟป่าอย่างทันท่วงที ก่อนที่จะไฟจะลุกลาม เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเฝ้าระวังและควบคุมการเกิดไฟป่าได้"

ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า กล่าวอีกว่า ได้จัดตั้งศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน (War Room) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่อาจส่งผลกระทบตลอดช่วงฤดูไฟป่าในหน้าแล้ง เป็นศูนย์ฯ ที่ช่วยประสานงาน สั่งการหน่วยงาน กำลังพล และเครื่องมืออุปกรณ์ ในการช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั้งภาคเหนือและบริเวณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ การจัดตั้งศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน หรือ War Room ยังช่วยให้มีระบบการติดตาม รายงานสถานการณ์ การแก้ปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 17 จังหวัดภาคเหนือทุกระยะ รวมถึงพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการประเมินความต้องการและความจำเป็นในการสนับสนุนทรัพยากร ตามแผนระดมพลไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือและพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมีการรายงานผลการปฏิบัติงานให้คณะกรรมการอำนวยการศูนย์ฯ (War Room) ทราบเป็นระยะอย่างทันทีอีกด้วย ฉะนั้น การนำเทคโนโลยีการบูรณาการร่วมกับบุคลากร จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยดับไฟป่าและป้องกันการลุกลามของการเกิดไฟป่าในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด