ชายลอบจับ “เต่าปูลู” เตรียมส่งขายกิโลกรัมละ 2,400 บาท

View icon 173
วันที่ 18 เม.ย. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบชายวัย 50 ปี ลักลอบจับ “เต่าปูลู” สัตว์สงวนหายากใกล้สูญพันธุ์ สารภาพมีคนจ้างให้มาจับรับซื้อต่อกิโลกรัมละ 2,400 บาท ซึ่งเจ้าตัวออกล่ามาแล้ว 10 วัน ได้เต่าทั้งหมด 17 ตัว และเจ้าหน้าที่ยังพบว่าผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด

วันนี้ (18 เม.ย. 67) นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ เผยว่า ได้รับรายงานจากนายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดงร่วมกับชุดทหารชุดเฉพาะกิจไชยานุภาพ บก.ผาดง ร่วมกันตั้งจุดสกัดเพื่อคัดกรองคนเข้าป่าตามยุทธการเสือเฝ้าป่าบริเวณบ้านรินหลวง หมู่ 3 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันอังคาร (16 เม.ย. 67) ที่ผ่านมา

เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ได้พบชายมีท่าทางพิรุธขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะผ่านด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้น พบ “เต่าปูลู” ในกระสอบปุ๋ยซ่อนอยู่ในกระเป๋าเป้จำนวน 17 ตัว ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ 16 ตัว และตายแล้ว 1 ตัว น้ำหนักรวม 7.8 กก. เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวชายดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือ นาย ยูดะ อายุ 50 ปี เนื่องจากเต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พร้อมทำการสอบสวนขยายผล

ทาง นายยูดะ ให้การว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากนายแดง ไม่ทราบนามสกุล เป็นชาว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งรู้จักกันเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ช่วงที่ตนไปทำงานที่เชียงใหม่ ซึ่งตนและนายแดงได้ติดต่อกันผ่านช่องทาง messenger โดยนายแดงใช้ชื่อดาเนียล จากการตรวจสอบพบข้อความการสนทนาซื้อขายเต่าปูลูและการนัดส่งของ โดยนายแดงจะให้ค่าจ้างราคากิโลกรัมละ 2,400 บาท ซึ่งนายยูดะได้ล่าตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 67 และได้นัดส่งเต่าปูลูกันที่บ้านห้วยป่าฮ่อม หมู่ 5 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แต่มาโดนเจ้าหน้าที่จับเสียก่อน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เบื้องต้น ผลตรวจเป็นบวก ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่า เสพยาบ้า 1 เม็ดครึ่ง เมื่อ 4 วันก่อน ระหว่างการล่าเต่าปูลู

ทั้งนี้ “เต่าปูลู” เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ห้ามผู้ใดล่า ค้า หรือครอบครอง รวมทั้งซากของสัตว์ป่าดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป