เช้าข่าว 7 สี - เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตรึงกำลังแนวชายแดนด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังกองกำลังต่อต้านทหารเมียนมา เปิดฉากโจมตีใส่ฐานทหาร หลังปิดล้อมหยุดยิงมา 3 วัน
ช่วงบ่ายวานนี้ ทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู.) และกองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ.) เปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงใส่กองพันทหารราบที่ 275 จังหวัดเมียวดี ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ด้านตรงข้ามบ้านริมเมย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย ได้เจรจากันมา 3 วันแล้ว แต่ฝ่ายทหารเมียนมา ไม่ยอมวางอาวุธ และมอบตัว
สำหรับทหารเมียนมาชุดแรก ที่ยอมวางอาวุธ และเข้ามอบตัวกับฝ่ายต่อต้าน พร้อมครอบครัว จำนวน 617 คน ยังคงอยู่ในพื้นที่ส่วยโก๊กโก่ ของกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ ที่มีพันเอก หม่องชิตู เป็นผู้บัญชาการกองทัพ
ด้านเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อำเภอแม่สอด ยังคงลาดตระเวนตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน อีกทั้งสถานการณ์จะน่าห่วงมากขึ้น หากฝ่ายกองทัพเมียนมา ส่งเครื่องบินมาปฏิบัติทางอากาศ จะทำให้มีการหนีภัยการสู้รบเข้ามาเขตไทยได้ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคง มีแผนรับมือไว้แล้ว โดยกำหนดพื้นที่ปลอดภัยไว้หลายแห่ง แต่จนถึงขณะนี้ ในเมืองเมียวดี ยังไม่มีราษฎรชาวเมียนมา หนีภัยการสู้รบเข้ามาในบ้านเรา ยังใช้ชีวิตตามปกติ
สถานการณ์แบบนี้ทำให้ก่อนการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานด้านความมั่นคง และกระทรวงการต่างประเทศ หารือด่วน โดยเฉพาะหลังกรณีที่เกิดในจังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยนายกฯ สั่งแผนรับมือทั้งการตั้งคณะกรรมการที่มีตนเองนั่งหัวโต๊ะ และคณะอนุกรรมการที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเกาะติดสถานการณ์ พร้อมกันนี้ยังให้เตรียมแผนรองรับกรณีอาจมีผู้หนีภัยจากการสู้รบกว่า 100,000 คน เป็นการชั่วคราวด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังชี้แจงซ้ำกรณีมีเครื่องบินพาณิชย์เมียนมา ลงจอดที่สนามบินแม่สอด จังหวัดตาก ก่อนหน้านี้ โดยยืนยันเป็นการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม บนเครื่องมีแต่เอกสารทางราชการ ไม่มีอาวุธ กำลังพล หรือทำการขนทองคำหรือเงินแต่อย่างใด
