น้องสาวแจ้งความ พี่อุ้มพ่อหาย พร้อมโฉนดที่ดิน 50 แปลง

View icon 111
วันที่ 3 เม.ย. 2567
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - น้องสาวพาแม่แจ้งความ พี่สาวอุ้มพ่อหายไปพร้อมโฉนดที่ดิน 50 แปลง พร้อมทองรูปพรรณ ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยมีดาบตำรวจนายหนึ่งคอยช่วยเหลือ สุดห่วงเพราะพ่อยังต้องฟอกไต

เมื่อวานนี้ (2 เม.ย.) นางสาวดรอร สุวรรณมาลี อายุ 52 ปี ชาวบ้านตำบลหนองบัว จังหวัดระยอง เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองระยอง ว่า นายจ่าง สุวรรณมาลี อายุ 88 ปี ผู้เป็นบิดา ถูกพี่สาวคนโตและพี่สาวคนรอง พาตัวหายไปพร้อมโฉนดที่ดิน 50 แปลง และทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง โดยมีดาบตำรวจนายหนึ่งคอยดูแล

นางดรอร ให้การว่า เมื่อ 16 มีนาคมที่ผ่านมา พี่สาวคนโต และพี่สาวคนรอง ขับรถไปรับพ่อกับแม่ที่บ้านภายในตำบลชุมแสง อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง พาพ่อและแม่ไปพร้อมโฉนดที่ดินรวม 50 ใบ ที่เป็นชื่อของพ่อกับแม่ รวมถึงทองรูปพรรณของแม่ไปทั้งหมด โดยทราบว่าได้พาไปพักที่บ้านในตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง ต่อมาตนและน้องชายเดินทางไปบ้านพี่สาว แต่พี่สาวไม่ยอมเปิดประตูให้ พยายามเจรจา แต่ก็ไม่ยอมให้เข้าบ้าน อ้างว่าต้องพาพ่อแม่มาอยู่ใกล้โรงพยาบาล สะดวกต่อการพาพ่อไปฟอกไตสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และรักษาโรคหัวใจ ยืนยันไม่ยอมให้พบ สุดท้ายน้องชายต้องปีนรั้วเข้าไปอุ้มแม่ออกมา โดยมี ดาบตำรวจที่ชื่อ "วาด" คอยห้าม แต่น้องชายไม่สน ส่วนพ่อไม่สามารถพาออกมาได้ จึงพาแม่กลับบ้าน ต่อมาทราบว่าพี่สาวไปแจ้งความข้อหาบุกรุก

หลังจากนั้นพยายามติดตามหาพ่อตลอด แต่ก็ไม่พบ ตามไปที่โรงพยาบาลที่พ่อฟอกไต ก็ไม่พบ จนกระทั่งไปพบรถยนต์ที่พี่สาวใช้ขับพาพ่อออกมาจากบ้าน ไปจอดอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงแจ้งความให้ตำรวจพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบแต่รถและเอกสาร ซึ่งมีกระเป๋าพระและโฉนดที่ดินจำนวน 15 แปลง จึงได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.หนองปรือ

แต่ต่อมาพบว่าพี่สาวมีการปักป้ายขายที่ดินหลายแห่ง รวมถึงแจ้งความว่าโฉนดหาย และไปขอออกใบแทน ตนจึงไปขออายัดไว้ก่อน ส่วนที่ต้องแจ้งความ เพราะต้องการให้พี่สาวพาพ่อกลับมาอยู่กับแม่ ตอนนี้เวลาเหลือน้อยแล้ว เพราะทั้งสองคนไม่เคยแยกกันเลย ตนเป็นห่วงพ่อมาก

ส่วน นางฉลอง อายุ 87 ปี ผู้เป็นภรรยา ได้กล่าวว่า ต้องการให้ลูกสาวพาพ่อกลับมาหาด้วย เป็นห่วงมาก ทุกวันนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ อยากให้ลูกสาวเอาพ่อมาคืน

สำหรับ นายจ่าง สุวรรณมาลี ที่หายตัวไป ชาวบ้านในพื้นที่ต่างเรียกว่า "หลงจู๊จ่าง" เพราะมีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีที่ดินที่มีที่ดินจำนวนมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง