จับกุม ส.อบต.ดงละคร หัวหน้าแก็งปล้นทรัพย์เศรษฐินีนครนายก พบของกลาง ทองคำ แหวนเพชร เงินสดจำนวนมาก ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนยังหลบหนี
เวลา 10.30 น. วันที่ 29 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.ชโลธร เปรมปรี รอง ผบก.ภ.จว.ตราด และ พ.ต.อ.ปริญญา คำเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ตราด สั่งการให้ชุดสืบสวนสภ.เมืองตราด สภ.เขาสมิง และสภ.บ่อไร่ จับกุมรถยนต์ สีดำ หลังก่อเหตุปล้น และทำร้ายเจ้าทรัพย์ ได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 8 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อคืนที่ผ่านมา (01.03 น.) โดยมีทิศทางหลบหนีมายังจังหวัดตราด หลังรับแจ้ง จึงตั้งจุดสกัดจับ บนถนนสายสุขุมวิท และตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายใช้หลบหนี จนพบว่ารถที่ก่อเหตุมีทิศทางมุ่งหน้าไปทางบ้านไม้รูด อ.คลองใหญ่ จึงได้ส่งกำลังเข้าติดตาม
ต่อมาเวลาประมาณ 12.50 น. พบรถเป้าหมาย ขับย้อนกลับเข้าเมืองตราด กำลังมุ่งหน้าไปทางอำเภอเขาสมิง ตำรวจ สภ.เมืองตราด จึงติดตามไล่จับกุม พร้อมประสานตำรวจ สภ.เขาสมิง ขอกำลังเสริม กระทั่งเวลา 13.10 น. สามารถสกัดจับรถได้ที่บริเวณ 3 แยกแสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด ระยะทางหลบหนีกว่า 20 กิโลเมตร ทราบชื่อคนขับชื่อนายเอ อายุ 43 ปี ชาวนครนายก เป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ดงละคร จึงนำตัว ไปสอบสวน ที่ยัง สภ.เขาสมิง และยึดรถยนต์ไปตรวจสอบ
สอบปากคำนายเอ ให้การอ้างว่า มีความสัมพันธ์แบบลับ ๆ กับผู้เสียหาย จากนั้นเริ่มมีปัญหากัน จึงวางแผนจ้างวานให้คนรู้จักเข้าไปปล้นทรัพย์ แต่ไม่รู้ว่าผู้ร่วมก่อเหตุมีกี่คน เพราะช่วงเวลาก่อเหตุไม่ได้อยู่กับผู้เสียหาย หลังคนจ้างวานเข้าไปปล้นแล้ว ปรากฏว่ารถที่ใช้ก่อเหตุ เสียระหว่างทางขับหลบหนีต่อไปไม่ได้ ตนจึงขับรถไปรับกลุ่มคนร้าย และขับหนีไปทางถนนสายรังสิต-นครนายก ไปทางฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปทางอำเภอพนมสารคาม เลี้ยวไปทางอำเภอแกลง จ.ระยอง มุ่งตรงเข้าจังหวัดตราด และได้โยนตู้เซฟ ทิ้งอาวุธปืน ปล่อยกลุ่มคนที่ลงมือปล้น ตามทางที่ผ่าน กระทั่งมาดูจับกุม และอ้างอีกว่า ตั้งใจจะนำทองทั้งหมดไปคืนอยู่แล้ว ไม่คิดจะนำไปใช้แต่อย่างใด เพราะตนเองยังรักผู้เสียหาย
ตรวจค้นของกลางในรถ พบเงินสด ทองคำ ของกลาง ซ่อนไว้ในซอกใต้พวงมาลัย เป็นสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ รวม 18 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 70 บาท พระเครื่องเลี่ยมทอง และไม่เลี่ยมทอง รวม 10 ชิ้น แหวนเพชร 3 วง ขณะที่ช่องเก็บของ พบเป็นเงินสดรวม 98,000 บาท นอกจกานี้ยังพบ เครื่องเจียร์ สว่าน ไฟฉาย มีด ไขควน ตำรวจจึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
แต่ระหว่างตรวจค้น ตำรวจสังเกตเห็นบริเวณฝาท้ายรถ มีลักษณะแกะประกอบขึ้นมาใหม่ เมื่อใช้ไฟฉายส่อง พบว่ามีเงินสดถูกซุกไว้เป็นมัด นับได้เกือบ 700,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อติดตามตู้หาเซฟ และอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ เนื่องจากผู้เสียหายระบุว่า ในตู้เซฟมีเงินสด 2 ล้านบาท ทองรูปพรรณ 70 บาท พร้อมเครื่องเพชรจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเงินสดที่หายไป น่าจะแบ่งให้กับผู้ร่วมก่อเหตุ 3 คน ที่อยู่ระหว่างหลบหนีตำรวจยังคงติดตามตัวต่อไป
