ล่า 3 ไอ้โม่ง บุกปล้นบ้านหนุ่มโรงงานกลางดึก กวาดทรัพย์ทั้งเงินสด ทองรูปพรรณ เครื่องเพชร มากกว่า 5 ล้านบาท หนีลอยนวล พบเบาะแสรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกจอดทิ้งไว้
เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.วันที่ 28 มี.ค. พ.ต.ต.วัฒนา เล็กโล่ง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านนา จ.นครนายก รับแจ้งมีกลุ่มคนร้าย 3 คน บุกปล้นทรัพย์ ทำร้ายเจ้าทรัพย์ได้รับบาดเจ็บ ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 8 ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ถาวร นาใจเย็น ผกก.สภ.บ้านนา ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิด ประตูรั้วบ้านเปิดออก พบผู้เสียหาย คือ นางพิไลพร หรือน้อย อายุ 53 ปี ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ศีรษะถูกตีด้วยของแข็ง จนหน้าผากแตกเลือดไหลอาบ
สอบถามนางพิไลพร ให้ข้อมูลว่า บ้านหลังนี้อาศัยด้วยกัน 4 คน ช่วงเกิดเหตุตนอยู่บ้านกับแม่ 2 คน ส่วนน้องชายและน้องสะใภ้ไปทำงานที่จังหวัดสระบุรี และเกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย 3 คน สวมหมวกไหมพรมคลุมหัว ขับรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน เปิดประตูรั้วเข้ามาพร้อมยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด จากนั้นบุกเข้ามาในบ้านจับตนมัดมือ มัดปาก ไม่ให้ส่งเสียงร้อง ส่วนแม่วัย 80 ปีเศษ วิ่งหนีเข้าห้องล็อกประตู พอตนขัดขืนถูกคนร้ายใช้ด้ามปืนตีศีรษะจนหน้าผากแตก ก่อนที่คนร้ายจะเข้าไปในห้องนอนน้องชาย ช่วยกันยกตู้เซฟขนาดเล็กขึ้นรถเก๋งขับรถหนีไป
นางพิไรพร เล่าต่อว่า ไม่รู้ว่าทรัพย์สินในตู้เซฟมีอะไรอยู่บ้าง เพราะเป็นของน้องชาย ทำงานโรงงานแห่งหนึ่งใน จังหวัดสระบุรี ส่วนน้องสะใภ้เป็นเซลล์ขายวัสดุก่อสร้าง อยู่บริษัทเดียวกัน แต่จากการสอบถามเบื้องต้น คาดว่ามีเงินสด 2 ล้านบาท ทองรูปพรรณ 70 บาท เครื่องเพชร รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจจึงสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใกล้ชิดกับ 2 ผัวเมีย รู้ความเคลื่อนไหวว่าในบ้านมีเพียงคนสูงวัยอยู่ตามลำพัง จึงพาพวกมาก่อเหตุอย่างอุกอาจ
หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนลงพื้นที่ พบรถเก๋ง สีน้ำเงิน ทะเบียน กค 4703 นครนายก คาดเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จอดเสียอยู่ใกล้ทางเข้าโรงงานวัสดุก่อสร้าง ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ประตูปิดล็อกทั้ง 4 บาน จึงประสานช่างกุญแจมาเปิดประตูรถ พบเสื้อผ้า กระเป๋าสะพาย และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คาดว่าหลังก่อเหตุคนร้ายขับรถเก๋งหลบหนี แต่รถเกิดเสียเพราะเป็นรถเก่า กลุ่มคนร้ายลงมาช่วยกันเข็นไปจอดทิ้งไว้ข้างทาง แล้วโทรศัพท์เรียกพรรคพวกขับรถยนต์มารับไป มีกล้องวงจรปิดใกล้เคียงบันทึกภาพของกลุ่มคนร้ายไว้ได้ชัดเจน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ และหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อื่นที่ตกอยู่ในรถของคนร้ายไปตรวจสอบ เพื่อเป็นเบาะแสติดตามคนร้ายแก๊งนี้มาดำเนินคดีต่อไป
