เตือนคนไทยในโอซากา พบผู้ติดเชื้อ ‘โรคหัด’แนะสวมแมสก์ ล้างมือ

View icon 162
วันที่ 18 มี.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สถานกงศุลใหญ่ ณ นครโอซากา เตือนคนไทยในญี่ปุ่น หลังพบผู้ติดเชื้อ ‘โรคหัด’แนะสวมหน้ากากอนามัยขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะหรืออยู่ในที่ชุมชน

สถานกงศุลใหญ่ ณ นครโอซากา โพสต์เฟซบุ๊กเตือน เรื่องการแพร่ระบาดของโรคหัด (Measles) ในภูมิภาคคันไซ เนื่องจาก เมื่อวันที่ 1 มี.ค.67 ทางการญี่ปุ่นพบว่า มีผู้โดยสารสายการบิน Etihad เที่ยวบิน EY 830 จากกรุงอาบูดาบีสู่นครโอซากา เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 67 ติดเชื้อโรคหัด จึงมีประกาศคำเตือนให้ผู้โดยสารเที่ยวบินดังกล่าว ผู้เดินทางไปสนามบินคันไซ ผู้โดยสารรถไฟสาย Nankai Electric Railway และผู้ที่ใช้บริการห้าง Super Center TRIAL Rinku Town Store ในวันดังกล่าว เฝ้าสังเกตตนเองหากมีอาการ เช่น ไข้สูงกว่า 39 องศา ไอ น้ำมูกไหลและผื่น ให้รีบพบแพทย์โดยสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ

ล่าสุด นครโอซากายืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อโรคหัดในจังหวัด รวม 2 คน และสื่อญี่ปุ่นรายงานยอดรวมผู้ติดเชื้อหัดในญี่ปุ่นรวม 8 คน ทั้งในภูมิภาคคันไซและภูมิภาคอื่น ๆ เช่น นครโอซากา จ.เกียวโต จ.ไอจิ จ.กิฟุ และกรุงโตเกียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแพร่ระบาดที่เริ่มขยายวงออกไปเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ เมื่อปี 2559 มีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวในญี่ปุ่นโดยมีผู้ติดเชื้อ 744 คน และในกรณีที่มีความรุนแรง อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนให้ครบถ้วน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลโรคหัดว่า โดยทั่วไปแล้ว จะเกิดอาการภายใน 14 วันหลังจากได้รับเชื้อ โดยจะมีอาการ เป็นไข้ตัวร้อนระยะเริ่มแรกมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด ตัวร้อน าจมีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศา  ซึ่งจะเริ่มเป็นไข้ประมาณ 10-12 วันหลังได้รับเชื้อ นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังมีอาการน้ำมูกไหล ไอบ่อย เจ็บคอ ตาเยิ้มแดง และตุ่มแดงที่มีสีขาวเล็ก ๆ ตรงกลางขึ้นในกระพุ้งแก้ม

เมื่อผู้ป่วยออกอาการได้ 3-5 วัน จะเกิดผื่นขึ้นตามร่างกาย คล้ายผื่นคันตามผิวหนัง โดยเกิดผื่นแดงหรือสีแดงออกน้ำตาลขึ้นเป็นจุดบนหน้าผากก่อน แล้วค่อยแพร่กระจายมาที่ใบหน้าและลำคอ ภายใน 3 วันจะเกิดผื่นกระจาย มาถึงมือและเท้า อาการผื่นคันนี้จะปรากฏอยู่ 3-5 วันและหายไปเอง

สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอแนะนำให้ประชาชนไทยสวมหน้ากากอนามัยขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะหรืออยู่ในที่ชุมชน หมั่นรักษาสุขอนามัยโดยเฉพาะการล้างมือ สังเกตอาการของตนเอง และให้พบแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำในการรับวัคซีน หรือรับการรักษาเมื่อมีอาการด้วย