“ขุนศึก ส.เดชะพันธ์” มวยขวาดุดัน วัย 20 ปี จากสงขลา พร้อมกลับมาสานต่อฟอร์มฮอตของตนเอง ด้วยการลุยแหลกตามสไตล์ถนัด ปะทะเดือด “ทับทิมทอง สจ.เล็กเมืองนนท์” จอมบู๊หมัดโหด วัย 23 ปี จากอุบลราชธานี ที่สร้างชื่อจากการกดน็อกยกแรกมา 2 ไฟต์ติด โดยจะปะทะกันในกติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 112 ป. ศึก ONE ลุมพินี 54 ที่จะถ่ายทอดสดจากเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 8 มี.ค.นี้
ดูคลิป ONE ลุมพินี วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ขุนศึก ส.เดชะพันธ์ vs เดชภูผา โชติบางแสน
สำหรับ “ขุนศึก” ผ่านประสบการณ์บนเวที ONE ลุมพินี มาแล้วถึง 6 ไฟต์ และพลาดท่าพ่ายแพ้ไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ขณะที่ผลงานช่วงหลังของเจ้าตัวกำลังร้อนแรง ชนะน็อกคู่ต่อสู้มา 3 ไฟต์ติดต่อกันด้วยหมัดขวาลูกเก่ง ส่งผลให้ความมั่นใจของเขาพุ่งสูงลิ่ว จนนำมาสู่การตั้งเป้าหมายใหญ่ในปีนี้ คือการมุ่งคว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครองให้ได้
“ใน 3 ไฟต์หลังสุดที่ผมชนะน็อกรวดมาได้ ถือว่าน่าพอใจมาก ๆ ครับ ซึ่งเบื้องหลังผลงานเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความตั้งใจของผมที่อยากจะประสบความสำเร็จในศึก ONE ลุมพินี ให้ได้ และต้องให้เครดิตทางค่ายส.เดชะพันธ์ ด้วยครับ ที่ช่วยติวเข้มผมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งในปีนี้ผมก็ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าต้องการคว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครองให้ได้ครับ”
ไฟต์ต่อไปของ “ขุนศึก” ในวันศุกร์นี้ จะต้องพบกับนักชกที่มีหมัดเป็นท่าไม้ตายเช่นเดียวกัน อย่าง “ทับทิมทอง” ซึ่ง “ขุนศึก” ที่ฝึกซ้อมอย่างหนัก และศึกษาข้อมูลคู่ต่อสู้มาอย่างละเอียด ขอท้าทาย “ทับทิมทอง” ให้มายืนแลกหมัดกันกลางสังเวียน ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
“ทับทิมทอง เป็นมวยที่ชิงจังหวะออกหมัดได้เร็ว และคมมาก ส่วนจุดอ่อนของเขาก็คือโดนอาวุธไม่ค่อยได้ ซึ่ง 2 ไฟต์ที่ผ่านมาเขายังไม่เคยโดนอาวุธจัง ๆ ไฟต์นี้ถ้าเขาโดนหมัดของผม ก็คิดว่าน่าลุ้นเลยครับว่าเขาจะทนได้หรือเปล่า ผมเองก็เตรียมหมัด ซึ่งเป็นลูกหากินมาพร้อมแลกกับเขาเหมือนกัน คิดว่ารูปเกมน่าจะออกมาชิงจังหวะแลกหมัดกันสนั่นเวทีแน่นอน ผมจะทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด เพื่อคว้าโบนัสอีกครั้ง และเข้าใกล้โอกาสคว้าสัญญา ONE ให้ได้มากขึ้นครับ”
ขณะที่ “ทับทิมทอง” เองก็กำลังสร้างชื่อขึ้นมาในฐานะจอมปิดเกมไวแห่งเวที ONE ลุมพินี หลังบรรจงกดหมัดขวาเดียวไม่เหลียวแล น็อกคู่ต่อสู้ในยกแรกมาแล้ว 2 ไฟต์ติดต่อกัน พร้อมกับคว้าโบนัสเข้ากระเป๋าไปอีก 7 แสนบาท จนทำให้ชีวิตของเจ้าตัวและครอบครัวดีขึ้นทันตาเห็น จากการขึ้นชกในรายการมวยไทยระดับโลกเพียงแค่ 2 ไฟต์เท่านั้น
“ผลงาน 2 ไฟต์ที่ผ่านมา ยอมรับว่ารู้สึกเกินคาดไปมาก ๆ ครับ โดยเฉพาะในไฟต์ล่าสุดที่เจอกับพี่สกลพัทธ โชติบางแสน วันนั้นผมรู้สึกกดดันมาก เพราะพี่เขาฟอร์มกำลังสด และหมัดหนักสุด ๆ ผมก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสามารถเอาชนะน็อกพี่เขาได้ตั้งแต่ยกแรก ส่วนโบนัสที่ได้มาทั้ง 2 ไฟต์ ผมนำไปช่วยปลดหนี้ให้กับที่บ้านครับ และแบ่งเก็บไว้เองส่วนหนึ่ง ซึ่งชีวิตตอนนี้ถือว่าดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน”
แม้ไฟต์นี้ “ทับทิมทอง” จะต้องมาพิสูจน์ฝีหมัดกับ “ขุนศึก” ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องพลังกำปั้นที่มีความหนักไม่แพ้ใคร แต่เจ้าตัวก็ตอบรับคำท้าพร้อมแลกหมัดกลางสังเวียน ยืนยันมาถึงขั้นนี้แล้วไม่มีกลัว พร้อมสู้สุดหัวใจ เพื่อเก็บชัยชนะมาครองเป็นไฟต์ที่ 3 ติดต่อกันให้ได้
“ไฟต์นี้ผมก็ยังคงเตรียมอาวุธหมัด มาเหมือนเดิมครับ กะมาเล่นงานท้องของเขาเต็มที่ เพราะช่วงลำตัวของเขาไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไหร่ บอกตามตรง ไฟต์นี้ผมก็ยังเดาไม่ออกนะครับว่าใครจะเป็นฝ่ายเดินเข้าหา เพราะสไตล์การชกของเราคล้ายกันมาก แต่ที่แน่ ๆ ผมไม่กลัวเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากจะแลกหมัด ผมก็พร้อมบวกแน่นอน มั่นใจว่าเกมการชกจะออกมาดุเดือดสมกับที่แฟน ๆ คาดหวัง และผมจะสู้สุดหัวใจเหมือนเดิม เพื่อเก็บชัยชนะแบบไม่ครบยกให้ได้ติดต่อกันเป็นไฟต์ที่ 3 ครับ”
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น. รับชมการถ่ายทอดสดทาง ช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น. รวมทั้งติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ ONEFC.com และอินสตาแกรม ONEChampTh