เพจดังขุดวีรกรรม ชายชาวต่างชาติเตะหมอ ขับรถขวางรถพยาบาล ชูนิ้วกลาง

View icon 130
วันที่ 3 มี.ค. 2567
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ชาวสวิสเซอร์แลนด์ เจ้าของปางช้างในจังหวัดภูเก็ต ไปรับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายหมอ แต่ห้ามสื่อมวลชนบันทึกภาพ ขณะที่พบวีรกรรม เคยขับรถขวางรถพยาบาล แถมยังเปิดกระจกชูนิ้วกลางใส่คนขับ ก่อนแจ้งความเอาเผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ กับคนขับรถพยาบาล

เป็นคลิปภาพที่ เพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์พร้อมข้อความว่า ผัว-เมียเตะหมอภูเก็ตแช่ขวา ชูนิ้วกลางกร่างใส่รถกู้ชีพ และฟ้องกลับคู่กรณีเอาผิด พ.ร.บ.คอมฯ กับรถพยาบาล ให้เหตุผลว่าผิดกฎจราจรโทษน้อยกว่า เพราะรู้จักตำรวจใหญ่ ๆ ภูเก็ตหลายคน ซึ่งคดีอยู่ที่ สภ.เชิงทะเล

ซึ่งเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นปลายเดือนธันวาคม 2566 บนถนนเทพกระษัตรี ก่อนถึง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร ในภาพรถยนต์สีดำ กำลังขับอยู่หน้ารถพยาบาล ที่ไม่ได้เปิดสัญญาณไซเรนฉุกเฉิน เนื่องจากไม่มีเหตุฉุกเฉิน แต่กำลังไปส่งวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีนให้ชาวบ้าน หลังเกิดเหตุดังกล่าว คนขับรถยนต์สีดำ ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ และทราบภายหลังว่า เป็นคนเดียวกับ ผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายคุณหมอ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เชิงทะเล เพื่อให้ดำเนินคดีตามความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ กับคนขับรถพยาบาล

ส่วนความคืบหน้าทางคดีทำร้ายร่างกาย ช่วงค่ำวันที่ 1 มีนาคม ชาวสวิสเซอร์แลนด์ ผู้ต้องหาคดีทำร้ายร่างกายแพทย์หญิง พร้อมภรรยาชาวไทย เดินทางไปรับทราบข้อกล่าว ทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจผู้อื่น ที่ สภ.ถลาง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และปฏิเสธไม่ให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ

ซึ่งอัตราโทษข้อหาดังกล่าว โทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเข้ามอบตัว

ส่วนที่จุดเกิดเหตุ กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ มีชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยว แวะเวียนไปถ่ายรูปเช็กอินโพสต์โซเชียลกันจำนวนมาก ซึ่งนิติกรเทศบาลตำบลป่าคลอก ได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับเอกชนรายหนึ่ง หลังก่อสร้างบันไดบ้านรุกล้ำชายหาด ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปปิดป้ายประกาศให้รื้อถอนภายใน 30 วัน หากเพิกเฉย เทศบาลจะรื้อถอนเอง

ขณะที่ วันนี้ เวลา 09.00 น. ภาคประชาชน ได้นัดกันไปยังแหลมยามู จุดเกิดเหตุ เพื่อแสดงพลังปกป้องชายหาดเป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่ของผู้หนึ่งผู้ใด

ขอยคุณภาพจาก : Facebook อีซ้อขยี้ข่าว