นิติเวชฯ เผยผลตรวจ DNA ชัด โครงกระดูกคือน้องนุ่น พบการแตกร้าวของกะโหลกศีรษะ ช่วงโหนกแก้มด้านขวาไปถึงเบ้าตา กกหู เป็นสาเหตุการเสียชีวิต
ความคืบหน้าคดีน้องนุ่น ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.พ.67) พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล ด้วยการตรวจ DNA เปรียบเทียบกับมารดา พบว่าผลการตรวจมีการเทียบเคียงยืนยันความมีสัมพันธ์ทางโครงสร้างพันธุ์กรรม หรือ DNA ชัดเจน สามารถยืนยันความเป็นแม่ลูกกันได้ จึงพอสรุปได้ว่าโครงกระดูกที่พบในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีนั้นเป็น น.ส.ชลลดา หรือน้องนุ่นจริง
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตจากการตรวจสอบโครงกระดูกทั้งหมด สามารถตรวจสอบร่องรอยของการแตกร้าวของกระดูกกะโหลกศีรษะบริเวณช่วงโหนกแก้มด้านขวา ต่อเนื่องไปยังเบ้าตาและกกหู โดยตัวบาดแผลมาจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการยุบตัว และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต
ขณะที่การตรวจสอบโครงกระดูกส่วนอื่นๆ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือมีบาดแผลแต่อย่างใด จึงคาดว่าผู้ตายจะถูกทำร้ายที่บริเวณศรีษะเพียงอย่างเดียว
ภายหลังแพทย์นิติเวชชันสูตรศพแบบตรวจผลเทียบเคียงโครงสร้างพันธุ์กรรม เพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคลเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อจากนี้ จะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้แจ้งครอบครัวเพื่อเดินทางมารับโครงกระดูกของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาได้
ขณะที่ทีมข่าวมาเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีครอบครัวของนางสาวชลลดา มาติดต่อขอรับร่างแต่อย่างใด โดยมีรายงานว่า ครอบครัวจะเดินทางไปเชิญดวงวิญญาณของน้องนุ่นที่บ้านพักใน จ. นนทบุรี
สำหรับคดีน้องนุ่น มีนายศิริชัย หรือ ทอย อายุ 33 ปี สามีตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าภรรยา เหตุเกิดในช่วงกลางดึกต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ที่ 18 ก.พ.67 ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายร่างไปเผาอำพรางในจังหวัดปราจีนบุรี
