ห้องข่าวภาคเที่ยง - กับเหตุระทึกที่จู่ ๆ ลูกเขยหัวร้อนที่มีพฤติการณ์ติดยาเสพติดก็ขับรถคีบอ้อย บุกลุยชนบ้านอดีตพ่อตา ทั้ง ๆ ที่เลิกรากับลูกสาวเค้าไปแล้วกว่า 2 ปี หนำซ้ำรถคันนี้อดีตพ่อตาก็ทิ้งให้ไว้ทำมาหากินเลี้ยงตัวล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
หลังจาก นายธีระพงษ์ หรือ จ่อย วัย 32 ปี หนุ่มชาวอุดรธานี ซึ่งอยู่หมู่บ้านหัวนาคำ อำเภอวังสามหมอ เกิดอาการคุ้มคลั่ง ขับรถคีบอ้อยพุ่งเข้าชนบ้านอดีตพ่อตา ยกแขนเหล็กที่ใช้คีบอ้อย กระหน่ำทุบตัวบ้าน จนทำให้หลังคาชานบ้าน และตัวบ้านพังเสียหายไปทั้งแถบ โดยมีเจ้าของบ้าน อดีตพ่อตาและแม่ยายนายจ่อย พร้อมลูกชายต่างวิ่งหนีตายพาลูกสาววัย 7 เดือน ออกไปทางหลังบ้านอย่างสุดชีวิต ไม่นานรถคีบอ้อยสายไฮดรอลิกขาด รถพังเสียหายขับต่อไม่ได้ นายจ่อยได้นั่งร้องไห้โวยวาย ตัดพ้อต่อว่าครอบครัวอดีตพ่อตากีดกันความรักระหว่างตนกับ นางสาวก้อย อายุ 32 ปี อดีตภรรยา และน้อยใจที่ไม่ให้เจอหน้าลูกชายวัย 7 ขวบ เขาหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ยอมรับว่าเสพยาบ้า แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ตนลงแรงช่วยทำงานก่อร่างสร้างตัว
อดีตพ่อตา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตน และครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าวเย็นกันอยู่ดี ๆ หลังจากนั้นก็นั่งเล่นอยู่หลังบ้าน ไม่นานก็ได้ยิงเสียงดังโครมใหญ่ หน้าบ้าน พอวิ่งออกมาดู ก็เห็นนายจ่อยขับรถคีบอ้อยมาชนบ้าน พวกตนร้องห้าม แต่นายจ่อยก็ไม่ฟัง ยังคงพังบ้านอย่างบ้าคลั่ง จนพวกตนต้องวิ่งหนีตายออกไปทางหลังบ้าน โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ ปกติเวลานี้ ตนจะขึ้นไปนอนบนบ้านแล้ว นายจ่อยคงต้องการฆ่าตนแน่ ๆ เพราะขับรถพุ่งมาพังห้องนอนตนก่อนเลย ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุซ้ำ เพราะครอบครัวตนยังหวาดผวาอยู่
นายจ่อยแต่งงานกับลูกสาวมานาน 13 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ตนแรกเขาเป็นคนดีมาก ตนก็รักลูกเขยเหมือนลูก แต่ระยะหลังทะเลาะกันหนัก แล้วนายจ่อยก็เริ่มติดยาบ้า และมักจะทำร้ายร่างกายลูกสาวตนจนเมื่อ 2 ปีที่แล้วลูกสาวจึงหอบลูกหนีไปทำงานอยู่ กทม. แล้วนายจ่อยก็ไปมีแฟนใหม่ ตนก็ยังให้รถคีบอ้อยคันที่เอามาก่อเหตุให้ไว้ใช้ทำงาน รับจ้างคีบแต่กลับเอารถคันนี้มาพังบ้านตน บ้านพังเสียหายเกือบทั้งหลัง รถกระบะ 1 คัน รถไถ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน พังเสียหายเกือบทั้งหมด นายจ่อยขู่อาฆาตมาตลอด ขู่จะฆ่าพวกตนยกครัว พวกตนก็ระวังตัวตลอด จนมาเกิดเหตุนี้ขึ้น
เบื้องต้น พลตำรวจเอก ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้แจ้งข้อกล่าวหา ทำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ส่วนข้อหาพยายามฆ่า จะต้องทำการสอบปากคำ หาหลักฐานมาประกอบสำนวนอีกครั้ง และอยู่ที่ความประสงค์ของผู้เสียหายด้วย ซึ่งได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งทำการสอบสวน เพื่อดำเนินกสรตามกฎหมายต่อไป
