ทหารเมา พกระเบิดควัน ขี่รถ จยย.ชนทางเท้า อ้างแค่นำไปโชว์เพื่อน ไม่ได้นำไปขาย

View icon 1.6K
วันที่ 17 ก.พ. 2567
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์
แชร์
สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - ตำรวจพร้อมนายทหารพระธรรมนูญเข้าสอบปากคำ "ทหารยศร้อยเอก" ที่เมาสุรา พกระเบิดก๊าซน้ำตา ระเบิดควัน และกระสุนพลุแสง ขี่รถจักรยานยนต์ชนฟุตพาท ไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง ส่วนต้นสังกัดยืนยันทำตามระเบียบกองทัพ

รอให้สร่างเมาตั้งสติได้แล้ว ตำรวจ สน.บางซื่อ จึงเบิกตัว ร้อยเอก ธีรยุทธ ทหารบกที่เมาสุราพกระเบิดก๊าซน้ำตา ระเบิดควัน และกระสุนพลุแสง แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปชนฟุตพาท หลังสถานีขนส่งหมอชิต เมื่อคืนก่อน ไปสอบปากคำซักถามข้อเท็จจริงเหตุที่พกพาวัตถุระเบิดและกระสุนไปในเมือง เพื่อนำคำให้การไปประกอบการดำเนินคดี โดยมี นายทหารพระธรรมนูญ ร่วมสอบปากคำด้วย

ซึ่งก่อนที่จะสอบปากคำ ลูกสาวและหลานสาวของทหารนายดังกล่าว ได้ไปเข้าเยี่ยม แล้วบอกกับผู้สื่อข่าวว่า แม้จะยังไม่ได้พูดคุยเรื่องคดีความ แต่ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมือง ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้ต้องหาดื่มสุราบ่อย ก็พยายามควบคุมให้ดื่มไม่เกินวันละ 1 แก้ว ที่บ้านเท่านั้น ไม่เคยเห็นมีอาการฉุนเฉียวจากการเมาสุราแต่อย่างใด

พันตำรวจเอก ภูวดล อุ่นโพธิ ผู้กำกับการ สน.บางซื่อ บอกว่า ผู้ต้องหาอ้างว่า คืนเกิดเหตุไปร่วมงานศพ แล้วไปต่องานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ระเบิดและกระสุนที่พกไปเป็นของสะสมสมัยฝึกขึ้นชั้นยศ ตั้งใจเอาไปโชว์เพื่อน เพื่อยืนยันว่าตนเองเคยร่วมรบสงครามมาจริง ๆ ไม่มีเจตนาพกไปขาย หรือนำไปสร้างสถานการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด

ส่วนยุทธภัณฑ์ที่เป็นของกลางที่ยึดได้ ประกอบด้วย ระเบิดก๊าซน้ำตาแบบกระป๋อง 2 ลูก, ระเบิดควันแบบกระป๋องสีต่าง ๆ 5 ลูก, และกระสุนยิงพลุแสงสีต่าง ๆ 8 ตลับ 39 นัด พบเลขหมายยุทธภัณฑ์ ปรากฏอยู่ ซึ่งได้แจ้งให้ต้นสังกัดตรวจสอบต่อไปแล้ว

ทั้งนี้ หลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจได้แจ้งข้อหาพกพาอาวุธไปในเขตเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาเมาแล้วขับ ก่อนคุมตัว ร้อยเอก ธีรยุทธ ไปขออำนาจศาลทหาร ฝากขัง

ขณะที่ หน่วยงานต้นสังกัด ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ในกรณีความผิดของกำลังพล รวมถึงตรวจสอบแหล่งที่มาของยุทธภัณฑ์ทางทหารดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามมาตรการควบคุมสิ่งอุปกรณ์ทางทหาร โดยทางกองทัพบก ระบุว่า กรณีการกระทำผิดของกำลังพล จะต้องดำเนินการลงโทษตามระเบียบของทางราชการ ทั้งทางวินัย และตามกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็จะอำนวยความสะดวกกับตำรวจระหว่างการดำเนินคดี