เหยื่อนับสิบร้องถูกสาวแสบแอบอ้างตำรวจใหญ่-ทนายรณณรงค์ รีดทรัพย์ญาติตนเอง สูญเงินกว่า 1,498,000 บาท

View icon 440
วันที่ 15 ก.พ. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ญาติตบเท้าเข้าร้องทุกข์แจ้งจับญาติตนเอง แอบอ้างตำรวจใหญ่-ทนายรณณงค์ ปลอมเพจทนายคู่ใจ เพื่อใช้พูดคุยไกล่เกลี่ยเรื่องคดีที่เคยมาร้องทุกข์  สูญเงินกว่า 1,498,000 บาท

วันนี้  (15 ก.พ.67)  ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้เสียหายกว่า 10 คน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกญาติๆกันเอง หลอกลวงให้โอนเงิน โดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปให้กับนายตำรวจใหญ่อดีตผู้การกองปราบปรามและทนายรณณรงค์ เพื่อช่วยเหลือในคดีที่เมื่อปี 64 จากกรณี “หนุ่มเกษตรเสียชีวิตคารถ ทอง 5 บาทหาย” มั่นใจถูกลวงฆ่า แต่คดีไม่คืบ และทั้งหมดนำเอกสารและหลักฐานเข้าร้องทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมในตอนนั้น 

ต่อมาทั้งหมดถูก น.ส.บลู (นามสมมติ)  หลานสาวและเป็นเหลนคนตาย ปลอมเฟซบุ๊ก "ทนายคู่ใจ" รวมทั้งแอบอ้างชื่อ พล.ต.ต. สุวัฒน์แสงนุ่ม ซึ่งเป็นผู้บังคับการกองปราบปรามในปีนั้น หลอกเอาเงินญาติๆอ้างนำไปสู้คดี สูญเงินกว่า 1,498,000 บาท

หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า นางสาวบูล (นามสมมุติ) เป็นเหลนของนายณรงค์ที่พบร่างเสียชีวิตในรถยนต์อยู่ภายในที่ว่าการอำเภอประทาย จ.นครราชศรีมา เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ปี 2564 ที่ผ่านมา จนเมื่อวันที่ 17 ก.ค. หลังจากเกิดเหตุนางบลูได้พาญาติๆเดินทางมา ขอให้ทนายรณณรงค์แก้วเพชร ช่วยเหลือเนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า ก่อนที่ทนายรณรงค์จะช่วยดำเนินการให้ตามที่เป็นข่าวจนโด่งดังไปแล้วนั้น

จนเมื่อเดินทางกลับบ้าน นางสาวบลู ได้บอกกับญาติๆผู้ตายว่าหากจะติดต่อกับทนายรณณรงค์ ให้ติดต่อผ่านตนเองเพียงผู้เดียว ก่อนที่นางสาวบลู จะทำการปลอมเฟซบุ๊ก “ทนายคู่ใจ” และแคปแช็ตที่นางสาวบลูอ้างว่านางสาวบลูได้พูดคุยกับทนายคู่ใจผ่านทางเฟซบุ๊กที่ได้ปลอมแปลงขึ้น เพื่อเรียกเงินก้อนแรกเป็นจำนวน 37,000 บาท อ้างจะนำไปเป็นค่าดำเนินการในเรื่องคดี

นางสาวบลู มีพฤติการณ์เช่นนี้มาตลอด โดยการแคปแช็ตที่คุยกับเพจทนายคู่ใจ นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างชื่อ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม อดีตผู้บังคับการกองปราบปรามปัจจุบันเป็นรอง ผบช.ก. เพื่อเรียกเงินจากญาติ อ้างนำไปดำเนินการเรื่องคดี ยัดใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่และทนายรณณรงค์ นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์ทำให้ตายใจ โดยเมื่อใดที่เรียกเงินจากญาติ และหากญาติไม่มีเงินพอจำนวนตามที่ต้องการ ก็มักจะอ้างว่าเดี๋ยวออกให้จนครบจำนวน โดยทำพฤติการณ์นี้รวมกว่า 20 ครั้ง  ญาติๆทุกคนของนายณรงค์ผู้ตายหลงเชื่อสูญเงินกว่า  1,498,000บาท

ต่อมานางสาวบลูได้นำสัญญาเงินกู้มาให้กับญาติทุกคนเซ็น จึงเกิดความสงสัยไม่เซ็น แต่อีกสองคนยอมเซ็นสัญญาเงินกู้นั้นและสูญเงินกว่า 4-5 แสนบาท ญาติทั้ง 8 คน จึงได้ติดต่อทนายรณณรงค์เพื่อถามถึงจำนวนเงินที่นางสาวบลูได้ออกสัญญาเงินกู้และอ้างจะโอนให้กับทนาย จนได้รู้ว่าจำนวนเงินดังกล่าวทนายไม่เคยได้รับและไม่เคยขอ  

นอกจากนี้คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า  วันนี้จึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาหาทนายรณรงค์  เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหลังจากที่จับได้ว่านางสาวบลูมีพฤติการดังกล่าว ได้พยายามติดต่อและพยายามไกล่เกลี่ย จนสุดท้ายนางสาวบลูยอมส่งสลิปการโอนเงินจำนวนกว่า 100 สลิปให้กับญาติ  พบว่าการโอนเงินไปเป็นเงินยัดใต้โต๊ะนั้นป็นการโอนเข้าบัญชีนางสาวบลูและนอกจากนี้ยังมีอีกบัญชีซึ่งปลายทางไม่ใช่บัญชีทนายรณณรงค์ แต่เป็นของทนายอร ซึ่งมารู้ที่หลังว่าทนายอรนั้นเป็นเพื่อนที่รู้จักกับนางสาวบูลมานาน ก่อนที่พวกตนทั้งหมดจะตัดสินใจไปแจ้งความดำเนินคดีคดีกับนางสาวบลู

ด้านนางสงวน ป้าของผู้ก่อเหตุ เผยว่า ตนเอ็นดูนางสาวบลูเพราะเป็นหลานของตน โดยทุกครั้งที่นางสาวบลูมาขอเงิน เธอจะให้เสมอ จนไม่มีเงินให้จึงต้องนำนาไปจำนองกับธนาคาร เพื่อนำเงินไปให้หลานในการสู้คดี จนตอนนี้หมดตัว นาก็ไม่มีทำ พอรู้ว่าหลานทำแบบนี้รู้สึกเสียใจ เพราะรักมาก ส่วนผู้ก่อเหตุตอนนี้มีชีวิตสุขสบายปลูกบ้านหลังใหญ่เพิ่งเสร็จ
 
ขณะที่ทนายรณณรงค์ เผยว่า หลังจากทราบเรื่อง ตนรู้สึกโมโหมาก กรณีดังกล่าวที่เคยเดินทางมาหาตนนั้นตนไม่เคยเก็บเงิน มีเพียงค่ารถแค่ 10,000  บาทที่เคยขอเพื่อส่งทนายลงพื้นที่ให้ไปดูคดีเท่านั้น และยืนยันว่าตั้งแต่รับเรื่องมาไม่เคยขอเงินจากใคร  มีแต่ให้เงินเคสที่มาร้องด้วยซ้ำ และจากกรณีดังกล่าวจะเดินทางไปพบผู้การเจี๊ยบ ผู้การ สอท.ให้ช่วยเหลือเนื่องจากมีการอ้างถึงตน และอ้างถึง พล.ต.ต.สุวัฒณ์ นอกจานี้ยังปลอมแปลงเอกสารในความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ส่วนคดีฉ้อโกงนั้น ไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้แล้ว เพราะคดีความหดมอายุ  จากนั้นทนายรณณรงค์ ได้พาผู้เสียหายทั้หมดเดินทางมายังตำรวจไซเบอร์ เพื่อขอให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ช่วยเหลือ

โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ เผยว่า จะให้ทางผู้การ สอท.3 ดำเนินการให้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากกรณีนี้ 1. มีการแอบอ้างทนาย 2.แอบอ้าง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. และหลอกลวงผู้สูงอายุ ส่วนเรื่องที่อ้างว่ายัดเงินใต้โต๊ะนั้นเป็นเพียงการแอบอ้างและขอตรวจสอบก่อน