สนามข่าว 7 สี - ต้องใช้คำว่า แก๊งอุ้ม-ยัดยา-รีดเงิน กับพฤติกรรมที่คนร้ายก่อเหตุ จับตัวผู้เสียหายไปเรียกเงินหลักแสน จากบ้านพักย่านสายไหม ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุไปแล้ว 1 คน ล่าสุดได้ตัวมาอีก 1 คนแล้ว ยอมรับแทบจะหมดเปลือกว่าทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหนด้วยกัน
ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีด้วยกัน 5 คน ก่อนหน้านี้ นายมานะ อายุ 58 ปี ถูกตำรวจจับกุมนำส่ง สภ.บางศรีเมือง ดำเนินคดี ร่วมกันข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2566 ซึ่งตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดไว้ จากนั้นก็เริ่มทยอยติดตามจับกุมมาเรื่อย ๆ
โดยคนแรก นายมงคล อายุ 71 ปี ถูกจับกุมได้ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เรียกได้ว่าออกหมายจับไม่นานก็จับกุมตัวได้ แต่หลังจากนั้นผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 คน ก็ไม่ได้หยุดความเคลื่อนไหว ไม่ได้เข็ดหลาบ พากันไปก่อเหตุกับผู้เสียหาย 2 คน ในพื้นที่เขตสายไหม กรุงเทพฯ ที่สมอ้างบอกว่าเป็นตำรวจกองปราบฯ ขู่จะยัดยาบ้า หากไม่ยอมจ่ายเงิน 1 แสนบาท แลกกับการเคลียร์คดี
ดังนั้น พอดำเนินคดีที่ สภ.บางศรีเมือง เสร็จ ตำรวจก็เลยอายัดตัวมาดำเนินคดีที่ สน.สายไหม ต่อ เป็นคดีที่ 2 นายมานะ ก็เลยเป็นผู้ต้องหารายที่ 2 ในแก๊งที่ถูกจับกุม
ส่วน นายวีรยุทธ ผู้ต้องหารายที่ 3 จริง ๆ แล้ว ตำรวจไม่ได้บุกจับ แต่เพราะเจ้าตัวทนแรงกดดันต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว โดยระหว่างการสอบสวน ก็ให้การภาคเสธ รับว่าได้ร่วมก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้สมอ้างเป็นตำรวจกองปราบฯ แต่อย่างใด
ข้อมูลสำคัญที่ตำรวจได้จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า ผู้ต้องหาแก๊งนี้ไม่ได้ลงมือพร้อม ๆ กันทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าวันที่ก่อเหตุใครจะสะดวกไปร่วมมือบ้าง และเท่าที่สอบปากคำก็ไม่มีใครที่เป็นตำรวจจริง ๆ สักคน โดยข้อมูลที่มีผู้เสียหายแจ้งความ ตอนนี้มีทั้งหมด 4 คดี คดีแรกเกิดขึ้นปี 2562 ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นตำรวจ ไปบุกค้นร้านขายเครื่องสำอาง ข่มขู่เรียกเงิน 2 ล้านบาท ตอนนี้คดีอยู่ชั้นพนักงานอัยการ คดีที่ 2 เกิดขึ้นในปี 2565 ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่เรียกรับเงินเหยื่อที่เกี่ยวข้องกับเว็บฯ พนันออนไลน์
คดีที่ 3 เกิดขึ้นในจังหวัดนนทบุรี ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นตำรวจ พาผู้เสียหายข่มขู่เรียกเงิน 50,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด
และคดีที่ 4 เกิดขึ้นในปีนี้ ที่อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบฯ พาผู้เสียหายไปขู่เรียกเงิน 100,000 บาท แลกกับการไม่ดำเนินคดีในข้อหายาเสพติด เท่ากับตอนนี้จับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 3 คน เหลืออีก 2 คน คือ นายบุญทิ้ง อายุ 50 ปี และนายนิด หรือ นายไหม ที่จะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
