ตร.ไซเบอร์ เร่งสอบกลโกง คุยโทรศัพท์เกิน 2 นาที ดูดเงินเกลี้ยง

View icon 174
วันที่ 14 ก.พ. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีหนุ่มอายุ 23 ปี มาออกรายการ ถกไม่เถียง ได้มาเล่าเรื่องราวว่า ตนเองถูกหญิงสาวหลอกไปทำงานเป็นแอดมินในบ่อนกาสิโน ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา พอไปถึงกลับถูกหลอกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยแก๊งคอลเซนเตอร์ได้มีเครื่องมือใหม่ สามารถดูดเงินโดยไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันดูดเงิน เพียงแค่หลอกคุยโทรศัพท์นานเกิน 2 นาที เงินก็ถูกดูดออกจากบัญชีเกลี้ยงแล้ว หลังฝึกงานได้ 1 เดือน ได้หลบหนีออกมาได้ จึงเอาเรื่องนี้มาเตือนภัยคนไทย

ประเด็นนี้ถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ในสังคม แก๊งคอลเซนเตอร์ใช้เครื่องดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารของเหยื่อโดยไม่ต้องโหลดแอปพลิเคชันใด ๆ โดยคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่มักเป็นข้าราชการระดับสูง บ้างเป็นข้าราชการวัยเกษียณ และนักธุรกิจ โดยสุ่มเลือกคนที่มีเงินอยู่ในบัญชีราว 2 ล้านบาทขึ้นไป เท่านั้น ซึ่งรายชื่อดังกล่าวก็ได้มาจากการซื้อมาจากธนาคารของรัฐอีกทอด เรื่องนี้สร้างความหวาดผวาให้กับคนไทยโดยทั่วไป พร้อมกับตั้งคำถามว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่?

ต่อมาทาง TB-CERT ภายใต้สมาคมธนาคารไทย ออกมาชี้แจง ข่าวแก๊งดูดเงิน โดยยืนยันว่า ปัจจุบัน ยังไม่มีระบบที่สามารถใช้เสียงในการยืนยันตัวตนเพื่อโอนเงินได้

ล่าสุด วันนี้ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาอดีตแก๊งคอลเซนเตอร์รายนี้เข้าพบผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังเพจสายไหมต้องรอดได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายว่า เคยถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกด้วยวิธีการหลอกให้คุยนาน ๆ เพื่อยืนยันตัวตน
 
ทันทีที่มาถึง ตำรวจไซเบอร์ได้เชิญตัวอดีตแก๊งคอลเซนเตอร์ไปพูดคุยข้อมูลเบื้องต้นในห้องประชุม หลังพูดคุยกัน 30 นาที ทางด้าน พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เบื้องต้น บอกว่า วันนี้เชิญทีมงานสายไหมต้องรอดและอดีตแก๊งคอลเซนเตอร์มาให้ข้อมูล และมาสอบถามในเชิงลึก เพราะแหล่งที่มาเกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ข้อมูลของกรณีนี้เกิดความมั่นใจและชัดเจน ตำรวจจะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะดูข้อมูลว่าเป็นจริงหรือไม่

และจากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง 1 ปี กรณีที่เคยเกิดขึ้นกว่า 40,000 เคสไอดี ของ สอท.1 ตำรวจไซเบอร์ ได้ตรวจสอบแล้วยังไม่เคยเกิดเคสลักษณะนี้ และจากการตรวจสอบลึกลงไปทั่วประเทศกว่า 400,000 เคสไอดี ในระยะเวลา 1 ปี ที่มีความเสียหายกว่า 50,000 ล้านบาท ยืนยันว่า ยังไม่มีการแจ้งความในลักษณะนี้ ขณะที่ สมาคมธนาคารก็มีหนังสือยืนยันมาแล้วว่า การใช้เสียงพูดคุยเพียงแค่ 2 นาที แล้วดูดเงินออกไป กรณีนี้ยังไม่เกิดขึ้น และธนาคารก็ยังมีความปลอดภัยอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหากประชาชนคนไหนที่เคยถูกดูดเงินจากบัญชีออกไป โดยที่ไม่ได้กดลิงก์หรือไม่กดดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน สามารถแจ้งความเอาผิดกับธนาคารได้ และทางธนาคารก็จะเยียวยาให้ผู้เสียหาย

ด้าน นายเอกภพ บอกว่า ที่ออกมาพูดวันนี้ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อยากให้ตื่นรู้ว่ากลุ่มมิจฉาชีพล้ำหน้าไปมาก เหมือนก่อนหน้านี้ตนก็เคยเตือนเรื่องการกดลิงก์และถูกดูดเงินออกจากบัญชี ซึ่งเป็นจริงในที่สุด เช่นเดียวกับเรื่องนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่าเพิ่งปฏิเสธหรือออกมาตอบโต้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะควรทำให้ประชาชนมั่นใจและรู้สึกปลอดภัย