เช้านี้ที่หมอชิต - มอบตัวแล้ว "นายอาร์ม ปืนโหด" มือยิงหลานกำนันเสียชีวิตคาถนนเมืองเพชรบุรี หลังหนีไปกบดานที่ จังหวัดชลบุรี ขณะตำรวจคุมตัวทำแผนฯ มีครอบครัวผู้ก่อเหตุมายืนตะโกนสั่งเสียงดังลั่น จนการทำแผนฯ ล่ม
นายภีมวัจน์ หรือ อาร์ม อายุ 29 ปี ถูกตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี คุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไล่ชน และไล่ยิง นายสุทัศน์ ลบโฉม อายุ 30 ปี หลานชายของกำนันตำบลหัวสะพาน เสียชีวิต ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 10 ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมืองเพชรบุรี เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา
ปรากฏว่าขณะที่ นายอาร์ม ลงมาจากรถ พี่สาวและครอบครัวได้มายืนดูการทำงานของตำรวจ พร้อมส่งเสียงตะโกนว่า "ไม่ต้องชี้ ไม่ต้องพูด ยืนเฉย ๆ ไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ไม่ต้องพูด ไม่ต้องทำอะไรเลย" โดยพูดวน ๆ อยู่แบบนี้ จน นายอาร์ม งุนงง และสุดท้ายก็ยืนยันขอใช้สิทธิ์ตามที่พี่สาวแนะนำ คือ ไม่ยินยอมทำแผนฯ และไม่ให้การใด ๆ จะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น จากนั้นตำรวจก็นำตัว นายอาร์ม กลับทันที เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุชุลมุนและกระทบกระทั่งกันระหว่างญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ
คดีนี้ พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ดำเนินการตามยุทธวิธีกดดันให้คนร้ายเข้ามอบตัว และติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาติดต่อเข้ามอบตัวที่ สภ.พานทอง จังหวัดชลบุรี ก่อนที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี จะไปคุมตัวมา แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ด้าน ครอบครัวของผู้เสียชีวิต หลังทราบข่าวว่าตำรวจได้ตัวคนร้ายแล้ว ก็เดินทางมาที่โรงพัก พร้อมถือรูปภาพ นายสุทัศน์ ผู้เสียชีวิต ขึ้นมาบน สภ.เมืองเพชรบุรี ด้วย โดย ภรรยา และ พี่สาวผู้เสียชีวิต บอกว่า ดีใจและอยากขอบคุณตำรวจที่จับตัวคนร้ายได้ อยากให้คนร้ายได้รับโทษตามที่ก่อไว้ และได้ยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัว นายอาร์ม ต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีไว้ก่อนแล้ว
ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตยังถูกเก็บไว้ที่วัดถ้ำแก้ว อำเภอเมืองเพชรบุรี โดยยังไม่มีกำหนดฌาปนกิจ แม้ว่าตำรวจจะจับคนร้ายได้แล้ว เนื่องจากภรรยาของผู้เสียชีวิตมีกำหนดต้องผ่าคลอดในสัปดาห์หน้านี้
ส่วนประเด็นที่มีญาติของผู้ต้องหาเข้าไปพูดจากดดัน จนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของตำรวจต้องล่มไปโดยปริยายนั้น มีการเปิดเผยภายหลังว่า ผู้หญิงเสื้อขาวที่เข้าไปตะโกนสั่งให้ผู้ต้องหาหยุดทำแผนฯ แท้จริงแล้วเป็นตำรวจ ยศ ร้อยตำรวจตรีหญิง สังกัดตำรวจหน่วยหนึ่งใน จังหวัดนครปฐม ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากตำรวจหญิงนายนี้ที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของผู้ต้องหา จะรู้ขั้นตอนการทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี จึงบอกให้น้องชายเลิกชี้จุด แล้วหยุดการทำแผนฯ เพื่อไปให้การในชั้นศาลแทน
ขณะที่ ตำรวจหญิงนายนี้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่ได้มีเจตนาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรูปคดี เพียงแต่ต้องการจะปกป้องสิทธิ์ของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นน้องชายต่างบิดาเท่านั้นเอง
