เช้าข่าว 7 สี - ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้าน ต้องบอกว่า วันนี้ ป.ป.ช. หัวบันไดบ้านไม่แห้งแน่ ๆ เพราะว่าจะมีคนไปร้อง ให้สอบจริยธรรมร้ายแรง สส.ก้าวไกล 44 คน ที่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 หากส่งไปถึงศาลฏีกา แผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วพบว่าผิดจริง จะมีโทษถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต
หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า การใช้สิทธิและเสรีภาพสำหรับกรณีการหาเสียงและแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า แก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ บอกว่า ทำคำร้อง แนบมาพร้อมเอกสาร กว่า 100 หน้า เพื่อให้ กกต. ประกอบการพิจารณา ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
อีกทั้งคำวินิจฉัยของศาล ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐานซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำ ของนายพิธาและพรรคก้าวไกลเอง และ 10.00 น. จะไปร้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและเอาผิดจริยธรรมกับพรรคก้าวไกล และ สส. 44 คน ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ในจำนวนนี้ รวมถึงนายพิธาด้วย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
เช่นเดียวกับ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นเรื่องให้ กกต. พิจารณายุบพรรคก้าวไกล โดยให้นำผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไปดำเนินการยื่นคำร้องตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 92 พร้อมกับ ตัดสิทธิทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคด้วย เพราะการที่ศาลวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ จะเป็นบรรทัดฐาน ซึ่งก็รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย อาจจะต้องถูกร้องให้ยุบพรรคเช่นกันหรือไม่
เช่นเดียวกับ นายสนธิญา สวัสดี ก็จะไปที่ ป.ป.ช. เหมือนกัน ร้องสอบจริยธรรมร้ายแรง 44 สส.พรรคก้าวไกล ด้วย เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล และส่งเรื่องต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณา
โดยผลพวงที่ตามมา มีทั้ง ยื่นให้ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรค หากศาลสั่งยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคก็จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองสูงสุด 10 ปี และหาก ยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบจริยธรรมร้ายแรง หาก ป.ป.ช. ชี้มูล ก็จะส่งยังศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาโทษสูงสุดถึงขั้นตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งคนแรกที่ถูกศาลสั่งตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต ก็คือ คุณปารีณา ไกรคุปป์ ในคดีรุกที่ป่า
