ตำรวจทางหลวง ตรวจยึดป้ายแดงปลอม อ้างกลัวเจ้าของรถคนเก่าเสียชื่อ

View icon 436
วันที่ 28 ม.ค. 2567
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจทางหลวง ตรวจยึดป้ายแดงปลอม เจ้าของรถอ้าง กลัวเจ้าของรถคนเก่าเสียชื่อเสียงว่าขายรถ และถือเลขมงคล จึงเอาป้ายแดงปลอมมาเปลี่ยน สุดท้ายต้องคดี

วันนี้ (28 ม.ค. 67) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) รายงานการตรวจยึด แผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน(ป้ายแดง)เลขทะเบียน ส-9889 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น

สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึดออกตรวจการจราจรในเขตรับผิดชอบในเขตพื้นที่ทางหลวงหมายเลข 4 ได้พบรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น X1 สีดำ ป้ายทะเบียน(ป้ายแดง) หมายเลข ส-9889 กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่สังเกตได้ว่ารถคันดังกล่าวมีลักษณะและสภาพการใช้งานมานานแต่ยังใช้ป้ายแดง จึงได้ให้สัญญาณเรียกให้หยุดรถ พบ นายอภิวัฒน์ฯ เป็นผู้ขับขี่ โดยสารมาพร้อมกับภรรยา จึงขออนุญาตตรวจสอบใบขับขี่และเอกสารคู่มือประจำรถ ผู้ขับขี่ได้แสดงใบอนุญาตขับขี่แต่ไม่ได้แสดงเอกสารคู่มือประจำรถเนื่องจากไม่ได้นำติดรถมาด้วย

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารพร้อมรถยนต์คันดังกล่าวมาที่หน่วยบริการฯตำรวจทางหลวงศรีสำราญ เพื่อขอตรวจสอบอย่างละเอียด

เบื้องต้น พบว่าป้ายทะเบียน(ป้ายแดง) หมายเลข ส-9889 กรุงเทพมหานคร มีลักษณะและองค์ประกอบไม่ตรงตามลักษณะของป้ายทะเบียนที่ถูกต้องหรือป้ายจริงที่ออกโดยกรมการขนส่งทางบก เพราะไม่มีลายน้ำเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก, เลข 10 หลัก และ ตัวอักษรย่อ ขส. ปั๊มนูน จึงเชื่อได้ว่าป้ายทะเบียน(แดง) ดังกล่าวเป็นป้ายปลอม

จากการสอบถามนายอภิวัฒน์ฯ ให้การเพิ่มเติมว่าภรรยาของตนได้ทำการซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากนายเอ (นามสมมุติ) ได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวได้รับป้ายทะเบียนซึ่งเป็นป้ายขาวมาแล้ว แต่ภรรยาของตนเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็นป้ายแดงดังกล่าวทันที โดยเชื่อว่าป้ายแดง หมายเลข ส-9889 กรุงเทพมหานคร เป็นเลขมงคล และยังอ้างว่า นายเอ เจ้าของรถเดิมนั้น เป็นคนกว้างขวางและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ตนจึงเกรงว่านายเอ จะได้รับความอับอาย หากคนรู้จักทราบว่านายเอ นำรถมาให้ขายต่อให้คนอื่น

เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นชื่อของนายเอจริง จึงแจ้งให้นายอภิวัฒน์ฯ ผู้ขับขี่ทราบว่าจะต้องทำการตรวจยึดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมดังกล่าว พร้อมบันทึกตรวจยึดนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.สามพราน เพื่อนำส่งกรมการขนส่งทางบกตรวจสอบ และหากพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป