โผล่อีกแล้ว หนุ่มผ่อนรถซูเปอร์คาร์หมด ถูก DSI อายัด ห้ามขายต่อ

View icon 153
วันที่ 16 ม.ค. 2567
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หนุ่มทุ่มเงิน 5 ล้าน ดาวน์รถลัมบอร์กีนีมาขับ หลังส่งค่างวดได้ 6 เดือน ดีเอสไอ ออกหมายเรียกอายัดรถ ห้ามขายต่อหรือเปลี่ยนมือ เจ้าของเต็นท์ที่ขายรถรับปากว่าสามารถโอนได้ พอส่งค่างวดรถหมด สุดท้ายโอนไม่ได้ ทางเจ้าของเต็นท์ปัด ไม่รับผิดชอบ ไม่รับซื้อคืน

โผล่อีกแล้ว หนุ่มผ่อนรถซูเปอร์คาร์หมด ถูก DSI อายัด ห้ามขายต่อ
นายนเรศ ผาสุริวงศ์ อายุ 35 ปี นำรถลัมบอร์กีนี พร้อมหลักฐานสัญญาซื้อรถยนต์ และสลิปการโอนงวดรถ ขอความเป็นธรรมกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังซื้อแต่กลับโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้

นายนเรศ ผาสุริวงศ์ อายุ 35 ปี เล่าว่า ตนได้ซื้อรถลัมบอร์กีนี จากเต็นท์รถแห่งหนึ่งย่านกาญจนาภิเษก ในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ในราคา 9.5 ล้านบาท โดยเอารถยนต์ของตนไปเทิร์นในราคา 1,800,000 บาท จ่ายเงินสดไปจำนวน 3,200,000 บาท รวมเป็น 5,000,000 บาท และต้องส่งงวดอีกเดือนละ 169,741 บาท จำนวน 27 งวด หรือผ่อนชำระให้ครบ 4,500,000 บาท แต่ตนเองได้ผ่อนเดือนละ 300,000 บ้าง 400,000 บาทบ้าง เพื่อให้หมดค่างวดเร็ว

แต่หลังจากผ่อนมาได้ 6 เดือน เจ้าของเต็นท์รถโทรมาบอกว่า ดีเอสไอเรียกไปสอบปากคำเรื่องรถคันนี้ เนื่องจากรถคันนี้นำเข้ามาแบบสำแดงภาษีเท็จ เลยต้องการที่จะอายัดรถไว้ ซึ่งผู้ครอบครองสามารถครอบครองได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อหรือเปลี่ยนสัญญาได้ และหากผ่อนหมดแล้ว ก็สามารถโอนเป็นชื่อตนเองได้ แต่ขายต่อไม่ได้ แต่ทางเจ้าของเต็นท์รถได้ยืนยันว่า สามารถปลดล็อกจากการอายัดจากดีเอสไอได้ ตนจึงหลงเชื่อผ่อนต่อมาจนจะครบ เหลือเพียง 1,000,000 บาทเท่านั้น แต่ตนเองมาเห็นข่าวว่า รถที่ถูกดีเอสไออายัดไม่สามารถโอนหรือซื้อขายต่อได้ ตนจึงติดต่อขอคืนรถไปยังเจ้าของเต็นท์รถ แต่เต็นท์รถกลับปฏิเสธการรับคืน และบอกว่าจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น

ตนคิดว่าตนน่าจะโดนเต็นท์รถหลอกขายรถคันนี้ เพราะตอนที่ตนเองเข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เจ้าหน้าที่บอกว่า ก็รู้ว่าส่งจดหมายมาให้เจ้าของเต็นท์รถตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาพบเจ้าหน้าที่ ถ้าตัวรู้ว่ารถคันนี้ถูกดีเอสไออายัดไว้ ตนจะไม่ซื้อโดยเด็ดขาด ส่วนที่ตัดสินใจซื้อรถกับเต็นท์ มองว่าการซื้อกับเต็นท์มีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบรถทุกอย่างสมบูรณ์ถูกต้อง เพราะเชื่อว่าเต็นท์รอบคอบกว่าคนทั่วไป อีกทั้งเจ้าของเต็นท์รถยังเป็นคนที่ตนเองรู้จัก

ที่ผ่านมาได้พยายามเสนอข้อแลกเปลี่ยน ให้เต็นท์นำรถรุ่นอื่นมาให้ใช้ โดยยอมขาดทุนค่าส่วนต่าง แต่เต็นท์ก็ไม่รับผิดชอบและปฏิเสธ วันนี้จึงมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้เต็นท์แสดงความรับผิดชอบ หากเต็นท์รู้อยู่แก่ใจว่ารถติดอายัด ควรแสดงความรับผิดชอบหาแนวทางในการช่วยเหลือ ตอนนี้ตนเองเดือดร้อนหนัก ไม่สามารถนำรถคันนี้ไปเปลี่ยนเป็นเงินมาหมุนในธุรกิจได้

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ผู้เสียหายซื้อรถมาด้วยความสุจริต และไม่ทราบว่ารถติดอายัดดีเอสไอ ดังนั้นเต็นท์จะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่งหลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปร้องทุกข์ที่ สคบ. รวมทั้งจะตรวจสอบว่าเต็นท์รถได้รับเอกสารจากดีเอสไอ ก่อนที่จะขายให้กับผู้เสียหายหรือไม่ หากได้รับเอกสารก่อน แสดงว่าเต็นท์รู้เห็นเป็นใจ และทราบอยู่แล้วว่ารถติดอายัดจากดีเอสไอ แต่ยังนำมาขาย ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

เพื่อจะฟังความที่รอบด้าน เราได้โทรศัพท์ไปสอบถามยังเต็นท์รถที่ขายรถให้กับผู้เสียหาย โดยเจ้าของเต็นท์รถ กล่าวว่า ตนเองขายรถคันนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนเองไม่รู้มาก่อนเลยว่ารถคันนี้จะถูกดีเอสไออายัดไว้ตรวจสอบ ตนเองซื้อรถคันนี้มาจากเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ปี 2564 โดยก่อนที่ตนจะซื้อรถคันนี้ ตนได้เช็กไปยังขนส่งทางบกแล้ว ปรากฏว่าไม่ได้ถูกอายัดจากหน่วยงานใด และสอบถามจากเพื่อนในกลุ่มรถซูเปอร์คาร์ ก็ยืนยันว่าสามารถซื้อได้ ตนจึงซื้อรถคันนี้มาเพื่อใช้และขายต่อ ต่อมาวันที่ 8 ธันวาคม 2564 คุณเต้ได้มาซื้อรถคันไป โดยคุณเต้ไม่ได้นำเงินสดมาซื้อ ตนจึงให้ผ่อนรถคันนี้ผ่านชื่อของตนเองเลย เดี๋ยวทำเรื่องไฟแนนซ์ผ่านค่อยมาเปลี่ยนชื่อกัน

หลังจากนั้น 6 เดือนต่อมา คุณเต้ได้ทำสัญญากับไฟแนนซ์ผ่าน ตนจึงเปลี่ยนชื่อคนครอบครองรถกับไฟแนนซ์ให้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ทางไฟแนนซ์บอกให้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก่อน เพราะรถคันนี้ได้ถูกดีเอสไออายัดไว้ตรวจสอบ ตนจึงเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เอสไอ ถึงรู้ว่าดีเอสไอยึดไว้ตรวจจริง ตนจึงนำเรื่องไปบอกกับคุณเต้ และทางเอสไอได้เรียกคุณเต้ไปสอบปากคำแล้ว ตนยืนยันว่าดีเอสไอส่งเรื่องมาอายัดรถ หลังจากที่ตนเองขายรถไปแล้วจริง ๆ รถคันนี้ผ่านมาถึงตนเป็นมือที่ 6 แล้ว ส่วนคุณเต้น่าจะเป็นมือที่ 7 เราทั้งคู่ก็ตกเป็นผู้เสียหายด้วยกัน

ต่อมาคุณเต้ได้ติดต่อจะมาขอคืนรถ และขอเงินคืน ตนเองไม่สามารถที่จะรับคืนได้ เนื่องจากคุณเต้ใช้รถคันนี้ไปหลายกิโลแล้ว และตนเองก็ไม่มีเงินซื้อคืน เนื่องจากเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยดี ตอนนี้คุณเต้ยังติดเงินผมอยู่ 1,000,000 บาท แต่ผมเห็นใจคุณเต้ที่ต้องประสบปัญหาแบบนี้ ผมจึงชะลอหนี้ให้คุณเต้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลเรื่องรถหรู กับ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้ข้อมูลว่ารถที่ดีเอสไอยึดไว้ตรวจสอบทุกคัน เราได้แจ้งไปยังขนส่งทางบกทุกคัน หากมีการต่อภาษีหรือเปลี่ยนชื่อ ทางขนส่งทางบกจะต้องแจ้งมายังดีเอสไอให้ทราบ หากว่าใครนำรถที่ถูกอายัดไปขายต่อ ผู้เสียหายที่รับซื้อรถไปก็สามารถจะไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ ทางกรมฯ จะช่วยสนับสนุนข้อมูล รวมถึงเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

หนุ่มร้อง ซื้อรถหรู แต่โอนไม่ได้ ที่แท้ติดอายัด DSI
หลังจากเมื่อวานนี้ ผู้เสียหายที่ซื้อลัมบอร์กีนีมาแล้ว แต่พอผ่อนไฟแนนซ์หมด กลับโอนไม่ได้ ได้มาออกรายการถกไม่เถียง เรื่องนี้มีคำตอบจากท่าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ท่านกล่าวว่า จากการตรวจสอบรถยนต์ลัมบอร์กีนีคันนี้ เป็นคดีที่ 111/2562 จริง ในการอายัดเราได้ส่งเรื่องไปยังกรมขนส่งทางบก ไปวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ว่าเราได้อายัดรถยนต์คันดังกล่าวไว้ หากมีการดำเนินการของผู้ครอบครองให้แจ้งทางเราด้วย  

สำหรับคนที่ซื้อรถคันนี้ไปแล้วโอนไม่ได้ เห็นว่าได้ไปใช้สิทธิในทางกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดีแล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ถ้าสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ ขอความร่วมมือในด้านเอกสารของผู้เกี่ยวข้องมา ทางเราจะดำเนินการส่งให้ ขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจได้เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง