ชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานฯ เอาผิด 2 คนไทย จับเต่าปูลู สัตว์ป่าคุ้มครองหายาก คาดนำส่งกลุ่มคนต่างชาติชอบเปิบพิสดาร เชื่อช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ
เต่าปูลู วันนี้(12 ม.ค.2567) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผอ.สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้ชุดเหยี่ยวดง ร่วมกับตำรวจกก.1 บก.ปทส. ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 2 คน ที่ครอบครองเต่าปูลู สัตว์ป่าคุ้มครองและคาดว่านำไปส่งให้บุคคลในหมู่บ้านบางแห่งเปิดพิสดาร
นายนาวี ช้างภิรมย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (เหยี่ยวดง) เปิดเผยกับทีมข่าว Ch7HD News ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13.30 น. ชุดเหยี่ยวดง และชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจนครบาลอุดมสุข และตำรวจ กก.1 บก.ปทส. ตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลื้อยคลาน ชนิดเต่าปูลู จำนวน 13 ตัว และกล่องโฟม จำนวน 1 กล่อง (ราคาประเมินของกลาง จำนวน 130,100 บาท) มีบุคคลนำไปฝากไว้ที่ป้อมยามของหมู่บ้าน ในท้องที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะมาส่งให้กับคนในหมู่บ้านเพื่อนำไปบริโภคเป็นอาหารเปิบพิสดาร คณะเจ้าหน้าที่จึงได้นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลหาผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 จากเอกสารหลักฐานดังกล่าวทำให้ได้สืบทราบตัวผู้กระทำผิด จำนวน 2 คน คือ นายยอดรัก และนายพรชัย จึงออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้งสอง มารับทราบข้อกล่าวตามคดีอาญา จากนั้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองคนดังกล่าว ให้อัยการพิจารณาในความผิดตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐาน "มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี" มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับเต่าปูลูของกลาง จำนวน 13 ตัว ได้ส่งมอบไปดูแลและเก็บรักษาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งได้ดำเนินการปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ณ ห้วยโป่งไฮ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเป็นการอนุรักษ์เต่าปูลูซึ่งเป็นสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์ และเป็นการรักษาสวัสดิภาพของสัตว์ให้สามารถดำรงชีวิตในธรรมชาติต่อไป
ทั้งนี้ เต่าปูลูเป็นเต่าน้ำจืดกินเนื้อเป็นอาหาร มีลักษณะหัวโตหางยาว ซึ่งหัวและหางไม่สามารถหดเข้ากระดองได้ มีเล็บแหลมคม อาศัยอยู่ในลำธารและน้ำตกบนภูเขาสูง และสามารถปีนต้นไม้ได้ ปัจจุบันถือเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามถิ่นที่อยู่อาศัย ถูกจับเป็นสัตว์เลี้ยงและปรุงยาสมุนไพร จากความเชื่อที่ว่าเป็นยาที่ใช้บำรุงสมรรถนะทางเพศ ซึ่งชาวจีนนิยมนำไปบริโภค และมีราคาซื้อขายในท้องตลาดสูงถึงกิโลกรัมละประมาณ 10,000 บาท
