มรดกอลวน ฟังอีกมุม ปมชายพ้นคุกร้องทุกข์ ถูกญาติฮุบทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท จ.นนทบุรี

View icon 102
วันที่ 21 ธ.ค. 2566
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - ติดตามความคืบหน้ากรณีชายอายุ 42 ปี พร้อมกับภรรยา แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจนนทบุรี ว่าถูกเครือญาติฮุบมรดกของแม่ที่เสียชีวิตไป ระหว่างที่เขาต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ประเด็นนี้ฝ่ายเครือญาติออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เพราะเป็นการทำตามพินัยกรรมทั้งสิ้น

ย้อนดูความอลวนของมรดกก้อนนี้กันสักหน่อย เมื่อ 3 วันก่อน (18 ธ.ค.) นายปรีชา หรือ ตั้ม อายุ 42 ปี ไปแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ให้ตำรวจดำเนินคดีกับเครือญาติ ฐานหลอกให้ตนลงชื่อในพินัยกรรมมรดกของแม่

ตอนที่มาหลอก นายตั้ม บอกตนถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ และลงชื่อไปเพราะถูกข่มขู่ ประกอบกับไม่รู้หนังสือ

หลังแม่เสียชีวิต ญาติ ๆ ก็นำที่ดิน 2 แปลง ไปขาย ได้เงินเกือบ 50 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ก็เพราะแม่ที่เสียชีวิตไปยังมีมรดกเป็นที่ดินในจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี อีกรวมกว่า 100 ไร่ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท

วานนี้ หญิงอายุ 63 ปี หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว 7HD ว่า ญาติ ๆ มีศักดิ์เป็นหลานของเจ้ามรดก ส่วน นายตั้ม เป็นลูกบุญธรรม ที่เจ้ามรดกรับมาเลี้ยงดูตั้งแต่แบเบาะ

โดยเจ้ามรดก ได้ทำพินัยกรรมระบุให้ตนเป็นผู้จัดการมรดก และตอนทำพินัยกรรม เจ้ามรดกรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และมีนิติกรของโรงพยาบาลร่วมเป็นพยาน

ส่วนที่ดิน 2 แปลง ที่ นายตั้ม อ้าง จริง ๆ แล้วบรรดาญาติไม่อยากขาย แต่ถูก นายตั้ม บังคับให้ขาย ที่ดินแปลงแรกอยู่ในอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่เกือบ 12 ไร่ ขายไปเมื่อปีที่แล้วไร่ละ 1 ล้านบาท ได้เงินมากว่า 11.8 ล้านบาท

ส่วนที่ดินอีกแปลงที่ขายไป อยู่ย่านรัตนาธิเบศร์ จังหวัดนนทบุรี ที่แปลงนี้ญาติ ๆ จำใจต้องลงชื่อให้ นายตั้ม นำไปขาย เพราะถูกน ายตั้ม ขู่ว่าถ้าไม่ขายจะฆ่าให้ตาย แล้วมาบอกว่าขายได้เงิน 36 ล้านบาท แต่มาทราบภายหลังว่าที่ดินแปลงนี้ซื้อขายกันจริง ๆ ในราคา 48 ล้านบาท รวมถึงมีการทำนิติกรรมอำพราง สร้างความเสียหายต่อทรัพย์มรดกด้วย

นอกจากนี้ นายตั้ม ยังเคยกล่าวหากลุ่มญาติว่ารวมหัวกันทำพินัยกรรมปลอม และเป็นผู้จัดการมรดกโดยมิชอบ และบอกว่าตนเองจะขอเป็นผู้จัดการมรดกเสียเอง ซึ่งคงทำไม่ได้เพราะขัดกับพินัยกรรมที่เจ้ามรดกทำไว้

นี่ถือเป็นคำกล่าวอ้างข้อคู่กรณี ซึ่งต่างฝ่ายก็มีสิทธิโต้แย้งข้อเท็จจริง เชื่อว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นมหากาพย์ "มรดกอลวน" แน่นอน