ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ทำได้แล้ววันนี้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

View icon 232
วันที่ 19 ธ.ค. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ประธานศาลฎีกา เปิดโครงการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง นำคดีแพ่งทุกประเภท - คดีอาญายอมคาวมได้ เข้าระบบ ประชาชนไม่เสียค่าใช้จ่าย ศาลมีคำพิพากษาได้

ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง วันนี้ (19 ธ.ค.2566) เมื่อเวลา 09.30 น. นางอโนชา ชีวิตโสภณ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท การประชุมเชิงปฏิบัติการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องที่พึ่งแรกของประชาชน

นางอโนชา ประธานศาลฎีกา กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้ามาซ้ำเติม ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ การจ้างงานและวิถีชีวิตของประชาชน ในวงกว้าง ทำให้ผู้ประกอบการต้องหยุดดำเนินกิจการ หยุดค้าขายและเลิกจ้างงาน ประชาชนต้องประสบกับปัญหาการขาดรายได้หรือมีรายได้ลดลง จึงต้องกู้ยืมเงินเพื่อนำมาใช้จ่าย ทำให้มีภาระหนี้สินเพิ่มสูงขึ้น เป็นวิกฤตหนี้สินภาคประชาชน ก่อให้เกิดข้อพิพาททางแพ่ง ข้อพิพาทแรงงาน และข้อพิพาททางอาญาตามมา ศาลยุติธรรมจึงส่งเสริมให้คู่กรณีและประชาชนนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีต่อศาล เพื่อลดปริมาณคดีที่จะเข้าสู่ศาลและแก้ปัญหาข้อพิพาทของคู่กรณีให้ยุติโดยเร็วด้วยความพึงพอใจของทุกฝ่าย ไม่ก่อภาระค่าใช้จ่ายแก่คู่ความ

โดยการเข้าใช้บริการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องของศาลยุติธรรม คู่กรณีสามารถนำข้อพิพาททางแพ่งทุกประเภทโดยไม่จำกัดจำนวนทุนทรัพย์รวมถึงความผิดอาญาบางประเภทอันยอมความได้ อาทิ ฉ้อโกง บุกรุก ยักยอก หมิ่นประมาท ทำให้เสียทรัพย์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องได้ โดยยื่นคำร้องด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ต่อศาลที่มีเขตอำนาจ หรือยื่นคำร้องผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ทางเว็บไซต์https://mediation.coj.go.thได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เป็นธรรม โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่าย คู่กรณีไม่มีประวัติการถูกฟ้องคดี ซึ่งหากคู่กรณีตกลงกันได้และมีความจำเป็นสามารถยื่นคำขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามยอม หรือเมื่อคู่กรณีไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมสามารถบังคับคดีได้ทันทีโดยไม่ต้องฟ้องคดีอีก และยังสามารถรักษาสัมพันธภาพอันดีระหว่างคู่กรณี นอกจากนี้กรณีที่การไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลงแล้วคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ หากปรากฏว่าอายุความครบกำหนดไปแล้วหลังจากยื่นคำร้องหรือจะครบกำหนดภายใน 60 วันนับแต่วันที่การไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลง ให้อายุความขยายออกไปอีก 60 วันนับแต่วันที่การไกล่เกลี่ยสิ้นสุดลง โดยกระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องสามารถดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นและมีคำพิพากษาตามยอมจน จบกระบวนการได้ที่ศาลชั้นต้นทั่วประเทศแบบ One Stop Service

นายอดุลย์ ขันทอง ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา ในฐานะประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาระบบไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง กล่าวว่า กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องเป็นนโยบายของประธานศาลฎีกาที่ต้องการให้ศาลยุติธรรมเป็นที่พึ่งแรกของประชาชนที่มีปัญหาข้อพิพาทในทุกเรื่องสามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องศาล ซึ่งศาลยุติธรรมได้จัดให้มีการดำเนินการได้ทั่วประเทศปัจจุบัน เพราะประธานศาลฎีกาเห็นว่าปัจจุบันสภาพ สังคมแวดล้อมเศรษฐกิจ หลายหลายอย่างทำให้เกิดคดีความฟ้องร้องต่อศาลเป็นจำนวนมากปีนี้ก็คงประมาณ 2 ล้านคดี ก็เลยคิดว่าถ้ากระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องตาม ป.วิเเพ่งมาตรา 20 ตรี มาอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน โดยประชาชนสามารถยื่นคำร้องไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ก็จะลดปริมาณคดีก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับกระบวนการดังกล่าวประชาชนสามารถดำเนินการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อตกลงกันได้ขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้ทันทีดังนั้นกระบวนการดังกล่าวถือว่าเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งศาลทั่วประเทศตอนนี้เรามีศูนย์ไกล่เกลี่ยอยู่ในทุกศาลทั่วประเทศอยู่แล้ว หากประชาชนมีปัญหาหรือข้อพิพาทไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้หรือใครก็แล้วแต่ที่มีปัญหาข้อพิพาทใดๆ สามารถยื่นต่อศาลยุติธรรมได้ที่ทั่วประเทศเรามีผู้ประนีประนอมพร้อมที่จะให้บริการกับประชาชนที่มีปัญหาข้อพิพาทในทุกเรื่องโดยสามารถเข้าไปติดต่อได้ที่ศูนย์ไกล่เกลียข้อพิพาทประจำศาลเรามีทุกศาล ซึ่งประชาชนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก เราก็ได้ประสานประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอกไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนก็อยากจะบอกว่าถ้ามีปัญหาข้อพิพาทนี้ให้ใช้กระบวนการไม่มีค่าใช้จ่ายและมีประสิทธิภาพตกลงกันได้ หากไม่ปฏิบัติตามสามารถบังคับคดีได้ทันที

นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า ประชาชนที่มีปัญหาหรือผู้มีคำร้องขอไกล่เกลี่ยเราก็จะเเจ้งคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งเข้าสู่กระบวนการ หากอีกฝ่ายตกลงก็จะให้ผู้ประนีประนอมประจำศาลเข้าไปไกล่เกลี่ยในคดี ถ้าไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ก็จะมีผู้พิพากษาคอยดูเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของคู่กรณี ถูกต้องสุจริตเที่ยงธรรมไม่ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ถ้าถูกต้องหมดศาลก็จะให้คู่กรณีลงชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถ้าคู่กรณีต้องการให้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็สามารถเเจ้งศาลให้มีคำสั่งได้ในวันนั้นเลยตอนมีคำร้องเข้ามาไม่ได้ฟ้องคดี แต่สุดท้ายตกลงกันได้ศาลมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความตรงนั้นให้ไปเลย อย่างปัญหาหนี้สินฟ้องร้องกันกับธนาคาร ถ้าต้องมาฟ้องร้องกันก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะมากมายแต่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องสามารถช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้เพราะว่าไม่มีค่าขึ้นศาล ธนาคารหรือหน่วยงานสามารถยื่นคำร้องตรงนี้ตกลงกันได้สามารถที่จะขอศาลมีพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็จะช่วยลดระยะเวลาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกหนี้และเจ้าหนี้แน่นอน