เจ้าหนี้ล่าตัว เจ้าของบริษัทยืมเงินนอกระบบ 30,000 บาท กลายเป็น 3 ล้านบาท

View icon 149
วันที่ 8 ธ.ค. 2566
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้อวข่าวภาคเที่ยง - ชายคนหนึ่งอายุ 65 ปี เจ้าของบริษัทชิปปิงแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบตามล่า จากเดิมกู้ยืมเงินแค่ 30,000 บาท แต่ไป ๆ มา ๆ ถูกบังคับให้กู้ยืมเจ้าหนี้รายอื่นเอาเงินมาใช้หนี้ จนหนี้บานกลายเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท ทนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือ

ชายคนนี้เล่าให้ทีมข่าวและเพจสายไหมต้องรอดฟังว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเดือนสิงหาคม 2565 ตอนนั้นได้กู้ยืมเงินกับเจ้าหนี้นอกระบบมา 30,000 บาท มีการคิดอัตราดอกเบี้ยวันละ 600 บาท เวลาผ่านไประยะหนึ่ง จ่ายหนี้ไม่ไหว เจ้าหนี้ก็แนะนำเจ้าหนี้รายใหม่ ให้ไปกู้ยืมเงินมาโปะดอกเบี้ยบางส่วน ทีนี้ปัญหาก็เริ่มกลายเป็นดินพอกหางหมู หาเงินจ่ายเจ้าหนี้รายใหม่ไม่ไหวอีก ก็ไปยืมเงินเจ้าหนี้อีกรายมาจ่ายเงิน วนไปแบบนี้เรื่อย ๆ มารู้ตัวอีกทีมีเจ้าหนี้รวมกันแล้ว 37 ราย พอหาเงินจ่ายไม่ได้ เจ้าหนี้ก็เริ่มโทรมาขู่ฆ่า ยกพวกมาปิดล้อมบริษัท เฝ้าหน้าประตู หยอดกาวใส่รูกุญแจไม่ให้เข้า บอกว่าไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวที่จะติดคุก จะบุกไปทำร้ายตนเองถึงที่โรงพักด้วย

ซึ่งก็มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เจ้าหนี้บุกเข้ามาในบริษัท ยกเอาคอมพิวเตอร์ไปทั้งหมด และยังทำท่าทางคล้ายจะชักปืนมายิง ทำให้ตนเองและลูกน้องในบริษัทหวาดกลัวมาก ต้องยอมกู้เงินเพิ่มกับเจ้าหนี้รายอื่นมาโปะดอกเบี้ยให้รายเก่า คิดไปคิดมาแล้ว เชื่อว่าทั้งหมดน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน ยกตัวอย่าง เจ้าหนี้รายใหญ่คนหนึ่งในจังหวัดชลบุรี คนนี้กู้ยืมเงินมา 40,000 บาท ตอนนี้ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก กลายเป็นเงินหลักแสนบาท โดนบังคับให้ไปผ่อนรถจักรยานยนต์ป้ายแดง 2 คัน มูลค่าเกือบ 300,000 บาท ให้เจ้าหนี้นำไปขายต่างประเทศแบบผิดกฎหมาย แทนการส่งดอกเบี้ย เพิ่มภาระให้ต้องผ่อนจ่ายรถจักรยานยนต์ 2 คันนี้ไปอีก

ที่ผ่านมา เคยโทรศัพท์แจ้ง ตำรวจ สภ.หนองแขม ตำรวจก็แนะนำได้เพียงให้ย้ายที่อยู่ออกนอกพื้นที่ไปก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ก็ทำให้เชื่อว่ากลุ่มเจ้าหนี้ น่าจะมีคนหนุนหลังอยู่ ซึ่งหากนับดูดี ๆ แล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ถึง เมษายน 2566 ตนได้จ่ายเงินดอกเบี้ยอย่างเดียว ให้กับเจ้าหนี้ไปแล้วกว่า 3 ล้านบาท เคยจ่ายไปมากที่สุด 24,000 บาท ต่อวัน ที่ผ่านมาก็พยายามหาเงินปิดหนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็ทำสำเร็จไปแค่ 9 รายเท่านั้น จนไม่สามารถจ่ายเงินให้ลูกน้องได้ ทุกวันนี้ ต้องทำงานเพียงคนเดียว หนีมาเร่ร่อนในกรุงเทพฯ เพราะญาติก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ต้องแกล้งเป็นผู้ป่วย เพื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอาศัยเป็นที่นอน พอความแตกโรงพยาบาลก็ไม่ให้อยู่ ต้องไปขอข้าววัดกิน และนอนตามป้ายรถประจำทาง จนสุดท้ายเคยจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่ตอนนั้นมีพลเมืองดีปั่นจักรยานผ่านมาเตือนสติ จึงเปลี่ยนใจ ก่อนจะร้องกับเพจสายไหมต้องรอด

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด บอกว่าหลังจากนี้จะพาชายคนนี้ไปลงทะเบียนแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาล และจะลงพื้นที่ไปจังหวัดชลบุรี เพื่อพูดคุยกับเจ้าหนี้ของลุงทั้งหมด หาข้อยุติเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยหนี้สิน ให้คิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ จะขอให้ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหนี้ ที่ข่มขู่คุกคามลูกหนี้ด้วย