จับข้าราชการแม่-ลูก ปลอมเอกสารเบิกงบฯ กว่า 52 ล้านบาท

View icon 239
วันที่ 8 ธ.ค. 2566
เช้าข่าว 7 สี
แชร์
เช้าข่าว 7 สี - ตำรวจบุกจับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข เป็นแม่และลูกสาว ร่วมกันก่อเหตุปลอมเอกสารสร้างเรื่องจัดซื้อทิพย์ เบิกจ่ายงบประมาณแล้วนำเงินไปแปลงเป็นของมีค่า บ้าน รถ ของแบรนด์เนม รวมแล้วกว่า 52 ล้านบาท ก่อเหตุมาแล้วกว่า 10 ปี ไม่มีใครรู้ 

เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ 4 ป. (ประกอบด้วย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) , คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมปฏิบัติการจับกุมเจ้าพนักงาานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หลังได้รับเบาะแสจากบัตรสนเท่ห์ที่พลเมืองดีส่งมา ว่ามีเจ้าพนักงานสองคนร่วมกันปลอมแปลงเอกสารเพื่อทำเรื่องจัดซื้อทิพย์ เบิกเงินงบประมาณไปใช้ส่วนตัว จึงทำการสืบสวนรวบรวมหลักฐานนานกว่า 1 เดือน และขอหมายจับจากศาล นำกำลังเข้าไปจับกุมขณะที่เมื่อวานนี้ไปปฏิบัติงานตามปกติ

โดยทั้งสองคนเป็นแม่และลูกกัน ซึ่งผู้เป็นแม่เป็นหัวหน้าฝ่ายพัสดุ ข้าราชการระดับ ซี 7 ส่วนลูกอยู่ในฝ่ายจัดซื้อ ที่สามารถทำเรื่องเสนอการจัดซื้อ แล้วให้ผู้เป็นแม่ใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติงบประมาณที่ไม่เกิน 100,000 บาท ได้ทันที โดยใช้บริษัทขายวัสดุวิทยาศาสตร์ของลูกเขย ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำการนี้โดยเฉพาะ ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริง ก่อเหตุแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2555 จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา รวมแล้ว 721 ครั้ง คิดเป็นเงิน 51,360,000 บาทถ้วน โดยพฤติการณ์คือปลอมเอกสารการจัดซื้อ ปลอมลายเซ็นผู้อนุมัติโครงการ และเนื่องจากผู้เป็นแม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาจึงกลายเป็นช่องว่างให้ทั้งสองคนสามารถก่อเหตุได้ เบื้องต้นยืนยันว่าไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้อง และยอมรับว่าทำจริง ไม่ได้มีการหลบหนี

ส่วนงบประมาณที่ทุจริตไปได้ นำไปซื้อรถยนต์หลายคัน ที่ดิน นาฬิกาหรู อาวุธปืน และเงินสด รวมแล้วประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งทางตำรวจก็จะมีการส่งมอบให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป เบื้องต้นมีผู้ถูกดำเนินคดี 3 คน คือ แม่ ลูกสาว และลูกเขย ส่วนสาเหตุที่มีการจับกุม อย่างที่บอกในตอนแรกว่าได้ข้อมูลจากบัตรสนเท่ห์ที่มีคนส่งมาเพียง 4 บรรทัด แต่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ เลขาธิการ ป.ป.ท. จึงอยากฝากไปถึงประชาชนหากพบเห็นการทุจริตในภาครัฐ อย่ามัวนิ่งเฉย ลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์จากประเทศชาติได้ง่าย ๆ ผ่านบัตรสนเท่ห์โดยไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร แค่เพียงส่งมาทางเจ้าหน้าที่พร้อมตรวจสอบ 

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน เบื้องต้นได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน เนื่องจากให้ความร่วมมือในการดำเนินคดี ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และให้การเป็นประโยชน์ โดยใช้หลักทรัพย์เงินสด 1.2 ล้านบาท มีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามยุ่งเหยิงเกี่ยวข้องกับพยานหลักฐาน