สึกแล้ว ก็ยังเป็นเปรียญ 9 ศาลไม่รับฟ้อง หลวงพี่น้ำฝน ฟ้องหมิ่น แพรรี่ ไพรวัลย์ ฟากแพรรี่ลั่น เลือดยังเป็นเปรียญ 9
แพรรี่ เปรียญ 9 วันนี้(29 พ.ย.2566) เมื่อเวลา 11.32 น. นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ ไพรวัลย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีเมื่อวันที่ 12 ส.ค. หลวงพี่น้ำฝน หรือ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม มอบอำนาจให้ ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความและไวยาวัจกรวัดไผ่ล้อม ยื่นฟ้องคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร จำเลยที่ 1 นายจตุรงค์ จงอาษา เป็นจำเลยที่ 2 และจำเลยอื่นรวม 10 คน ซึ่งมีนายภูดิท หรือกรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรรายการดัง เป็นจำเลยที่ 4 จากกรณีที่เมื่อวันที่ 28 ก.ค. นายกรรชัยได้เชิญจำเลยที่ 1 และ 2 มาในรายการ หัวข้อเรื่องว่า “แพรรี่” ฟาดกลับ “หลวงพี่น้ำฝน” ปกป้องพระพยอม กรณีที่ พระพยอม กลฺยาโณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า ตามกฎมหาเถรสมาคม ห้ามมิให้พระยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จากนั้น นายกรรชัยได้เชิญจำเลยที่ 1 และ 2 มาออกรายการ และมีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ โดยเปรียบเทียบว่าเอาทองไปรู่กระเบื้อง เป็นคนละเมิดพระธรรมวินัย การลงนะหน้าทองเป็นพระสายเวทย์และไสยศาสตร์ทำคุณไสย เป็นพระที่ไม่น่าเลื่อมใส
ล่าสุด แพรรี่ ไพรวัลย์ อัปเดตความคืบหน้าของคดีแล้ว โดยระบุว่า "คดีที่พระน้ำฝนฟ้องร้องดิฉัน ศาลยกฟ้องค่ะ เป็นอย่างไรคะ วันนั้นที่แถลงข่าวกันเป็นใหญ่เป็นโต กล่าวหาดิฉันว่าหมิ่นประมาทเช่นนั้นเช่นนี้ พูดจาโอ่อ่าวางท่าวางที สุดท้ายวันนี้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง แล้วยกฟ้องตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องเลยนะคะ พระน้ำฝนก็ดี ลุงทนายเปรียญ 3 ของพระน้ำฝนก็ดี ดิฉันขอพูดอย่างเวทนาสงสารนะคะ ถ้าพอมีเวลาว่างมาพบดิฉันได้ มานั่งเรียนบาลีกับดิฉันนะคะ ดิฉันจะบอกจะกล่าวให้ อะไรเป็นเรื่องถูกต้องไม่ถูกต้อง อะไรเหมาะสมไม่เหมาะสม สิ่งใดพึงปฏิบัติ สิ่งใดพึงสังวรละอาย ดิฉันจะอาศัยความเอ็นดูบอกกล่าวให้ค่ะ ส่วนอีกเรื่องที่อยากฝากนะคะ สำนักข่าวก็ดี รายการทีวีก็ดี ถ้าไม่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมมากพอ ไม่กล้ายืนยันในความถูกต้องของวิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องเชิญดิฉันไปพูดเรื่องศาสนาแล้วนะคะ ประเภทว่าเชิญไปแล้วพอเขาฟ้องก็กลัวหัวหด ยกถ้วยยกพานไปกราบเขา ทำเรื่องถูกให้กลายเป็นเรื่องผิด แบบนี้ไม่เอาค่ะ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม จบ"
นอกจากนี้ แพรรี่ไพรวัลย์ ยังโพสต์อีกว่า "ดิฉันใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียนบาลีมา 8 ปีเต็ม ใช้เวลาอีกเกือบ 10 ปีในการสั่งสอนพระเณรเพื่อสร้างศาสนทายาท ดิฉันอยากบอกนะคะว่า ที่จบบาลีมาได้เนี่ย ไม่ได้จบเพราะเอาบาตรแลกมานะคะ ดิฉันใช้สติปัญญาและความรู้ความสามารถของตัวเองในการสอบไล่ได้ล้วนๆ ดิฉันอาจยอมได้ในบางเรื่อง แต่เรื่องการบิดพลิ้วหรือการย่ำยีพระธรรมวินัย ดิฉันไม่ยอมค่ะ แม้สึกแล้วก็ยังมีเลือดความเป็นเปรียญ 9 อยู่เต็มหัวใจนะคะ เรื่องการพระศาสนา เจอกันเมื่อไหร่ก็ได้ จบ"
