สวยงามตระการตา โคมไฟยี่เป็งริมน้ำปิง จ.เชียงใหม่

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ไปดูความสวยงามของ "โคมยี่เป็ง" ที่หลายหน่วยงานของจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มตกแต่งประกับประดากันแล้ว โดยปีนี้ ยังคงมีมาตรการคุมเข้มเรื่องการปล่อยโคมลอย

สวยงามตระการตา โคมไฟยี่เป็งริมน้ำปิง จ.เชียงใหม่
โดยบรรยากาศริมแม่น้ำปิง ที่บริเวณริมแม่น้ำปิงด้านหลังวัดขะจาว ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่ เริ่มมีประชาชนทยอยมาถ่ายภาพ และชมความสวยงามของพื้นที่จัดงานประเพณียี่เป็ง หรือ งานประเพณีลอยกระทง ซึ่งเทศบาลตำบลฟ้าฮ่ามได้เนรมิตรพื้นที่ริมแม่น้ำเตรียมจัดงานในช่วงวันที่ 25-28 พฤศจิกายน นี้

นางสุนันทา แสวงธีรกูล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลฟ้าฮ่าม เปิดเผยว่า ตอนนี้ในส่วนของสถานที่ได้ตกแต่งด้วยโคมยี่เป็ง กระทง สะเปา ผางประทีป ซึ่งปีนี้ใช้โคมยี่เป็งกว่า 2000 ดวงสีสันต่าง ๆ สวยงาม ประดับไฟ และเริ่มเปิดไฟให้ประชาชน นักท่องเที่ยวมาชมความสวยงามได้แล้ว

พร้อมกันนี้ ได้นำเจ้าหน้าที่มาตรวจความพร้อมพื้นที่ริมน้ำที่มีการสร้างท่าน้ำ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวมาลอยกระทง และชมความสวยงามของแสง สี ริมแม่น้ำปิง เสริมความแข็งแรงท่าน้ำโดยทางเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่า ได้มาตรวจสอบความแข็งแรงเพื่อความปลอดภัย

สนามบินเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินรับยี่เป็ง จ.เชียงใหม่ 
ขณะที่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้มีการประกาศปรับเวลาให้บริการในช่วงประเพณีลอยกระทง ระหว่างวันที่ 27-28 พฤศจิกายน 2566 โดยสายการบินต่างยกเลิกทำการบิน หลัง 19.00 น. จำนวน 101 เที่ยวบิน เพื่อลดความเสี่ยงจากโคมลอยที่อาจเกิดอันตรายต่ออากาศยาน และมีเที่ยวบินเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวนทั้งสิ้น 59 เที่ยวบิน ผู้โดยสารที่จะเดินทางสามารถสอบถามรายละเอียดได้กับทางสายการบินที่ท่านจะเดินทาง

ผู้ว่าฯ ออกมาตรการคุมเข้มปล่อยโคมลอย จ.เชียงใหม่
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการออกมาตรการ กำหนดวันและเวลาปล่อยโคม รวมถึงลักษณะของโคม และพื้นที่ปล่อยโคมอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบกับการขึ้นลงของอากาศยาน และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยสามารถทำการปล่อยโคมได้เพียง 2 วันเท่านั้น คือ วันที่ 27 และ 28 พฤศจิกายน นี้ และกำหนดพื้นที่ห้ามจุด และปล่อยโคมโดยเด็ดขาดในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมด 6 อำเภอ 39 ตำบล

สำหรับ ผู้ที่ฝ่าฝืนการจุดและปล่อยโคมลอยโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากปล่อยโคมทำให้เกิดเพลิงไหม้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ลอยกระทงปีนี้คึกคัก เงินสะพัด 10,000 ล้านบาท
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ และธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินเทศกาลลอยกระทงปีนี้ คึกคักเงินสะพัดราว 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3.3%

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจ การใช้จ่ายในช่วงวันลอยกระทง พบว่า ประชาชนในกลุ่ม GEN X, Y และ GEN Z กว่า 71% ยังนิยมไปลอยกระทง กิจกรรม ที่ได้รับความสนใจ รองลงมาคือ การทานอาหารนอกบ้าน โดยปีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจว่า กระทงจะทำจากวัสดุอะไร และแต่ละคนมีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเฉลี่ยคนละ 1,920.39 บาท เพิ่มเป็นคนละกว่า 2,075.58 บาท เพราะสินค้าราคาแพงขึ้น

ส่วนพฤติกรรมการจับจ่ายส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การสังสรรค์ รองลงมาคือการทานอาหารนอกบ้าน และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่เพิ่มขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า ปีที่แล้ว 3.3% มาอยู่ที่ราว ๆ 10,000 ล้านบาท แตะระดับ 10,000 ล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ใกล้เคียงกับก่อนเกิดวิกฤตโควิด19

นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามเกี่ยวกับพรที่ต้องการขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตรงนี้ก็สะท้อนเศรษฐกิจได้ด้วย พรที่ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้ตัวเอง คือ ขอให้เงินทองไหลมาเทมา รองลงมาคือขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง ตามด้วยขอให้สุขภาพแข็งแรง ส่วนสิ่งที่ขอให้ประเทศ คืออยากให้ประเทศเศรษฐกิจดี, คนในชาติสามัคคี ค่าครองชีพลดลง

และยังมีการสอบถามในเชิงลึก เกี่ยวกับนโยบาย ดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 10,000 บาท พบว่า คนส่วนใหญ่จะลงทะเบียนร่วมโครงการ ส่วนคนที่ไม่ลงทะเบียนร่วมโครงการ เพราะรู้สึกว่า ไม่สะดวกกลับไปใช้ในพื้นที่ทะเบียนบ้าน, ไม่อยากสนับสนุนให้รัฐบาลกู้เงิน และเป็นห่วงจะเป็นภาระคนรุ่นหลัง รวมทั้งรู้สึกว่า สุดท้ายเงินวังวลผลประโยชน์จะอยู่ในผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมทั้ง กังวลข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหล