ห้องข่าวภาคเที่ยง - จากกรณีที่คุณตาคุณยาย ซึ่งมีที่ดินนับ 100 ไร่ เงินสดนับ 10 ล้านบาท ถูกลูกสาวคนเล็กแอบเอายากล่อมประสาทให้กิน 3 ปี จริงหรือไม่ ล่าสุด เพจฯ สายไหมจึงพา ตา-ยาย ไปตรวจหาสารเสพติดในเส้นผมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความจริง
วานนี้คุณตาคุณยาย พร้อมกับลูกสาวคนโตและหลานสาวพากันไปร้องขอความช่วยเหลือคุ้มครองพยานกับ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
ย้อนเหตุช่วงกลางปี 2563 ในครอบครัวมีปัญหาแบ่งมรดก คุณตาคุณยายเข้าใจว่า ลูกสาวคนโตซึ่งเป็นแม่ของหลานสาวจะแย่งเอาสมบัติไป จึงอยู่กับลูกสาวคนเล็ก แล้วตัดขาดกับลูกคนโตก่อกำแพงสูงกั้นบ้านแยกกันอยู่ กระทั่งลูกสาวคนโตมาเห็นคุณยายนอนร้องไห้ข้างรั้วกำแพง
พอได้คุยกับคุณยายจึงรู้ว่า ถูกลูกสาวคนเล็กแอบเอายากล่อมประสาทให้กินมาตลอด 3 ปี โดยอ้างว่าเป็นยารักษาโรคประจำตัว พอกินเข้าไปแล้วจะรู้สึกปากแห้ง คอแห้ง เบลอ ๆ มึน ๆ บางครั้งมีอาการชักเกร็ง จนเริ่มทนต่อไม่ไหวจึงตัดสินใจออกมาขอความช่วยเหลือ ตรวจสอบก็พบว่าที่ดิน 100 ไร่มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท และเงินในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท ถูกโอนไปอยู่ในชื่อลูกสาวคนเล็กทั้งหมด จึงพากันไปแจ้งความเอาผิดข้อหาลักทรัพย์ เรื่องกำลังไปถึงชั้นอัยการ แต่กลับไม่มีการดำเนินคดีกับสามีลูกสาว ที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งที่ดินก็ถูกนำไปจำนองไว้กับผู้มีอิทธิพลด้วย จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยและไม่ได้รับความเป็นธรรม
เพื่อช่วยพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงว่าคุณตาคุณยาย ถูกเอายากล่อมประสาทให้กินมาตลอด 3 ปี จริงหรือไม่ เพจสายไหมต้องรอด จึงพาคุณตาคุณยาย ไปขอให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นำเส้นผมไปตรวจพิสูจน์หาสารเสพติด เพื่อยืนยันตัวยาที่ลูกสาวคนเล็กให้กิน และจะได้พิสูจน์ด้วยว่า ที่คุณตา บอกว่า ลูกเขยมีพฤติกรรมเสพยาบ้า ไม่แน่ใจว่ายาเม็ดที่ให้กินจนทำให้เกือบเสียสติ ใช่ยาบ้าหรือไม่ด้วย
อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ มีคำแนะนำว่า ในช่วงที่ผู้สูงอายุยังแข็งแรง ก็ควรบริหารจัดการทรัพย์สิน เขียนพินัยกรรมไว้ล่วงหน้า ใส่รายละเอียดไว้ให้ชัดเจนว่าจะมอบอะไร ให้ใคร ด้วยเหตุผลอะไร จะได้ไม่มีปัญหาขัดแย้งกันเรื่องมรดก และช่วยป้องกันบุคคลอื่นที่เป็นใครก็ไม่รู้มาฉวยโอกาสเอาทรัพย์สินไป
