ห้องข่าวภาคเที่ยง - ต้องใช้คำว่า "เจรจาครั้งสุดท้าย" สำหรับข้อพิพาทวัดบางคลาน ที่วันนี้มีการนัดเจรจาระหว่าง 4 ฝ่าย เพื่อหาทางออกของปัญหาที่คาราคาซังมานาน ซึ่งทางตำรวจบอกว่า หลังการเจรจาวันนี้แล้ว ต่อไปหากมีใครกระทำผิดอีก จะเป็นการบังคับใช้กฎหมาย
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นำตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ในฐานะคนกลาง ไปหารือกับตัวแทน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายเจ้าอาวาสและคณะ, ฝ่าย สว. และคณะ และฝ่ายส่วนราชการจังหวัด เพื่อหาข้อยุติกรณีพิพาทวัดบางคลาน ที่ยืดเยื้อต่อเนื่องมานานเกือบ 10 ปี โดยทั้งหมดนัดหมายกันไปเจรจาหาข้อสรุปกันที่วัด
ก่อนที่จะเริ่มมีการประชุมหารือกัน พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ บอกกับทีมข่าวว่า วันนี้ต้องมีการเจรจาหาข้อยุติสำหรับปัญหานี้ให้ได้ เพราะมีหนังสือแต่งตั้งเจ้าอาวาสเป็นที่เรียบร้อย เจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งต้องได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเคยมีการพูดคุยกันนอกรอบกับทุกฝ่ายมาแล้ว แนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี เหมือนจะตกลงกันได้ แต่ก็ยังมีบางประเด็นที่มีบางฝ่ายแข็งขืน ไม่เห็นด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามหากตกลงกันไม่ได้ ก็จะเริ่มพิจารณาบังคับใช้กฎหมาย เช่น ข้อหาบุกรุก, ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และข้อหาอื่น ๆ ส่วนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ก็จะพิจารณาด้วยว่าเข้าข่ายหรือไม่
สำหรับปัญหาข้อพิพาทของวัดบางคลาน เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2557 หลังเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีคำสั่งปลดอดีตเจ้าอาวาส ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพบมีการใช้เงินวัดผิดวัตถุประสงค์ และมีคำสั่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาส เข้ามาบริหารจัดการเงินบริจาคและทรัพย์สินของวัดแทน ก่อนจะมีชาวบ้านที่เห็นไม่ตรงกัน 2 ฝ่าย ออกมาเคลื่อนไหว ฝ่ายแรกไม่เชื่อในตัวรักษาการเจ้าอาวาสรูปใหม่ อ้างว่ามีข้อมูลว่าพระรูปนี้มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเงินมาก่อน ส่วนอีกฝ่ายต้องการให้เกิดการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดเพื่อความโปร่งใส จนเป็นที่มาที่ทำให้เกิดการฟ้องร้องตามมาหลายคดี ซึ่งนอกจากการฟ้องร้องกันไปกันมา การใช้กำลังระงับเหตุ ก็มีความพยายามจะขอให้คนกลางเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้ง นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา, พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พระธรรมภาณพิลาศ เจ้าคณะภาค 4, ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ ตำรวจ บก.ปปป. เป็นคนกลางรายล่าสุดที่เข้าไปแก้ปัญหา
