เพลิงไหม้บ้านระทึก พี่ชายวัย 13 ปี พาน้องชายวัย 5 ขวบ หนีตายรอดได้หวุดหวิด

View icon 431
วันที่ 12 ต.ค. 2566
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เพลิงไหม้บ้านระทึก เกิดขึ้นช่วงสายวันนี้ (12 ต.ค. 66) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม ร.ต.อ.รุ่ง ปัญญา รอง สว.(สอบสวน) สภ.นครหลวง รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในชุมชนวัดราษฎร์บรรทม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงจาก อบต.บ่อโพง อบต.บ้านเกาะ ไปควบคุมเพลิง

ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้าน พบว่าภายในชุมชน เป็นลักษณะซอยแคบ รถดับเพลิงเข้าบริเวณที่เกิดเหตุด้วยความยากลำบาก เพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น ลักษณะครึ่งตึกครึ่งไม้ มีเปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณชั้นที่ 2 ของบ้าน ซึ่งทำด้วยไม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งระดมจีบน้ำเพื่อควบคุมเพลิง โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงได้

จากการตรวจสอบเพลิงไหม้บ้านดังกล่าว พบว่าชั้นบนได้รับความเสียหายถูกไหม้วอด ส่วนที่บริเวณชั้นล่างได้รับความเสียหายบางส่วน สอบถามเด็กชายอายุ 13 ปี ที่อยู่ในอาการตกใจร้องไห้ตลอดเวลา เล่าเหตุการณ์ว่า ตนนอนหลับอยู่กับน้องชายอายุ 5 ขวบ ได้ยินเสียงไฟฟ้าช็อตบริเวณชั้นที่ 2 ของบ้าน จึงวิ่งขึ้นไปดู พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงที่บริเวณที่ตั้งของโทรทัศน์ จึงได้รีบพาน้องชายหนีออกมาจากบ้าน จากนั้นเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง

ขณะเดียวกัน เหตุเพลิงไหม้บ้านครั้งนี้ ภายในบ้านยังมีแมวและลูกแมวรวม 11 ตัว เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือออกมาได้แล้ว 3 ตัว ส่วนที่เหลือไม่รู้ว่าหายไปไหนบ้าง ต่อมา น.ส.วิชุตา เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุเดินทางมาดูบ้านด้วยตกใจ พร้อมถามหาลูกชายทั้ง 2 คน ก่อนเข้าไปสวมกอดด้วยความเป็นห่วง

น.ส วิชุตา กล่าวว่า ตนทำงานอยู่บริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ ปกติจะไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อจะออกไปทำงาน และลูกลูกจะไปเรียนหนังสือ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จึงให้ลูกทั้ง 2 คนอยู่ที่บ้าน และคอยมาดูแลอยู่เป็นระยะ ด้วยความเป็นห่วง ก่อนเกิดเหตุเพิ่งจะออกไปทำงานได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทั่งมีเพื่อนบ้านโทรไปบอกว่าที่บ้านเกิดเพลิงไหม้ จึงรีบเดินทางกลับมาดูด้วยความตกใจและเป็นห่วง กลัวว่าลูกทั้ง 2 คน จะได้รับอันตราย แต่เห็นว่าลูกปลอดภัยก็โล่งอก แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอย่าไปพักที่ไหน เพราะบ้านเสียหายทั้งหลัง

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ พร้อมประสานเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพระนครศรีอยุธยาเข้ามาตรวจสอบ เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป