ทนายอนันต์ชัย เปิด บิกเซอร์ไพรส์

View icon 53
วันที่ 5 ต.ค. 2566
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - ได้เวลาเปิดตัว "ดับเบิลซุปเปอร์บิกเซอร์ไพรส์" ที่ทนายอนันต์ชัย พูดถึงแล้ว อย่างแรกคำว่า "ฮ่องเต้" ที่เคยเอ่ยถึงในโพสต์ สรุปตอนนี้ไม่ได้หมายถึง "บิ๊กโจ๊ก" แต่คน ๆ นั้น กลับเป็น อดีต ผบ.ตร. ที่ตามไปที่ ป.ป.ช. เพื่อร่วมยื่นฟ้อง ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแต่งตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบัน

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความที่เคยมีภาพว่าจะรับดูแลคดีให้กับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ "บิ๊กโจ๊ก" เปิดเผยถึงเรื่องนี้ก่อนการยื่นหนังสือร่วมกับ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เริ่มจากเคลียร์ใจกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อย่างแรก ยืนยันว่าตนเองกับ "บิ๊กโจ๊ก" ไม่ได้มีความขัดแย้งหรือขัดใจอะไรกัน ในการไม่แต่งตั้งตนเองเป็นทนายความ พร้อมกับอธิบายว่า จริง ๆ แล้วเรื่องการเป็นทนายความให้กับบุคคลใด ไม่จำเป็นต้องมีการเซ็นหนังสือแต่งตั้งเป็นทนายความแบบเป็นหนังสือที่มีลายลักษณ์อักษรเท่านั้น ยังสามารถให้คำแนะนำทางกฎหมายได้ด้วย หากมีการต่อสู้คดีกันในชั้นศาล ถึงตอนนั้นจึงจะมีการทำหนังสือแต่งตั้งทนายความกันอย่างเป็นทางการ

ซึ่งตั้งแต่ที่ "บิ๊กโจ๊ก" มาติดต่อขอให้ช่วยทำคดีให้ ตนเองก็ตกลงทำคดีให้อยู่แล้ว สังเกตได้จากวันที่มีการแถลงข่าวกันที่สโมสรตำรวจ และที่หน้าสำนักงานทนายความย่านโชคชัย 4 ที่มีการเปิดหน้าของตำรวจทั้ง 8 นาย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีการพูดคุยติดต่อกันเรื่องของพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้คดีของลูกน้อง จึงไม่ใช่การเทกันเหมือนอย่างที่สื่อมวลชนนำไปตีความ ส่วนที่ตนเองเคยบอกว่า มีคนโทรมาหา บอกให้หยุดทำคดีให้ "บิ๊กโจ๊ก" คน ๆ นั้น ไม่ใช่ "บิ๊กต่อ" บอกได้เพียงว่าเป็นบุคคลสำคัญในรัฐบาล แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร

ส่วนกรณีที่มีทนายความรายหนึ่ง อ้างว่า ตนเองได้รับเงินค่าจ้าง 10 ล้านบาท ค่าทำคดี และได้รับมาแล้วครึ่งหนึ่ง ยืนยันว่าตนเองยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างใด ๆ หากเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก็ขอสาปแช่งให้มีอันเป็นไป การทำงานของตนเองตั้งอยู่บนความเป็นจริง ถึงจะทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายได้ และยืนยันว่าคดีต่าง ๆ ที่ตนเองเคยเข้าไปช่วยเหลือเรื่องเกี่ยวข้องกับวัด หรือศาสนสถาน ตนเองเข้าไปทำคดีโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว หลังจากนี้หากมีบุคคลใดมาดูหมิ่นตนเองอีก ก็จะพิจารณาฟ้องกลับทุกคน

ขณะที่ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ มาถึงที่ ป.ป.ช. 11.30 น. ตรงเป๊ะ มาถึงก็เข้ายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เรื่องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเรื่องการแต่งตั้ง พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ก่อนกลับลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกว่า ขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาเอาผิดกับที่ประชุม ก.ตร. 10 คน ประกอบด้วย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่วนที่เหลืออีก 9 คน เป็นตำรวจ ข้าราชการ และอดีตข้าราชการตำรวจ โดยมองว่าที่ประชุมในวันนั้นเป็นการละเมิด พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ การอ้างเหตุผลที่เลือก พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ซึ่งมีอาวุโสน้อยที่สุด แต่มีคะแนนผลงานป้องกันปราบปรามสูง เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น หากปล่อยให้มีการดำเนินงาน เกรงจะส่งผลกระทบต่อการดูแลสังคม ยืนยันว่าการออกมาร้องเรียน เพราะต้องการกอบกู้ความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับใบสั่งหรือทำเพื่อรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใด

ขณะที่ ทนายอนันต์ชัย บอกว่า หลังจากนี้เตรียมยื่นฟ้องในความผิดฐาน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสนอการแต่งตั้งโดยผิดกฎหมาย ซึ่งกำลังเตรียมการที่จะยื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อไป