เช้านี้ที่หมอชิต - เตือนสาวไทยที่อยากไปทำงานต่างประเทศ ระวังถูกหลอก เช่นเหยื่อสาว 2 รายนี้ ถูกนายหน้าชักชวนทำงานร้านนวด แต่กลายเป็นว่าถูกหลอกมาค้าประเวณี
กัน จอมพลัง พาผู้เสียหาย 2 ราย คือ นางสาวนิ้ม และ นางสาวแนน พร้อมหลักฐาน เข้าพบ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ติดตามนายหน้าจัดงาน หลอกผู้เสียหายไปค้าประเวณีประเทศอินเดีย
ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม มีเพื่อนชักชวนไปทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทย รายได้ 100,000 บาทต่อเดือน หากสนใจจะมี นางสาวอารยา หรือ กุ้ง นายหน้าจัดหางาน จัดการเอกสารทั้งออกวีซาและตั๋วเครื่องบินโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ตนหลงเชื่อติดต่อนายหน้าคนดังกล่าว และเดินทางไปทำงานวันที่ 21 สิงหาคม หลังเครื่องบินลงจอดสนามบินมุมไบ ประเทศอินเดีย ถูกพาตัวไปเมืองสุรัช เพื่อเก็บข้าวของเข้าที่พัก ลักษณะคล้ายอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า และถูกยึดหนังสือเดินทาง ก่อนพาไปร้านนวดทำงานทันที แต่ปรากฏว่าไม่ใช่การนวดอย่างที่ตกลงกันไว้ ลูกค้าต้องการมีเพศสัมพันธ์ พอตนขัดขืนก็ถูกทำร้ายตบหน้า ก่อนใช้กำลังข่มขืน หลังจากนั้นถูกบังคับให้ค้าประเวณี 8 วัน รอบละ 14 คน จนซิลิโคนหน้าอกแตก ล้มป่วยสภาพปางตาย ทำให้นายหน้ายอมส่งตัวกลับประเทศไทย แต่มีเงื่อนไขต้องจ่ายเงินสด 75,000 บาท เพื่อแลกกับการถูกปล่อยตัว
ส่วนผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ถูกกระทำเช่นเดียวกัน จึงตัดสินใจชวนเพื่อนหลบหนี แต่ถูกตามจับตัวได้ และถูกนำไปขังไว้ในห้องแคบ ๆ มีเพียงแค่ช่องอากาศเล็ก ๆ ไว้ดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ต้องนอนกับหนู นอนกับแมลงสาบ ถูกขังไว้นานถึง 8 วัน
ด้าน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ สั่งชุดปฏิบัติการให้ร่วมกับสหวิชาชีพ สอบถามข้อมูลจากผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานสืบหาผู้กระทำผิดทั้งขบวนการ
ล่าสุด กัน จอมพลัง พร้อมตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ลงตรวจสอบทาวน์เฮาส์ ใน ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า เป็นสถานที่รับสมัคร จัดหาหญิงไทยไปทำงานนวดที่อินเดีย เมื่อไปถึงพบประตูรั้วและไฟหน้าบ้านเปิดอยู่ จึงตะโกนเรียกแต่กลับไม่มีใครออกมา คาดว่าผู้ต้องสงสัยอาจไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน
ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า เจ้าของบ้านเป็นชายคล้ายชาวอินเดียกับหญิงไทย น่าจะเป็นสามีภรรยากัน และทราบว่าบ้านหลังนี้เป็นนายหน้าจัดหาคนไปทำงานต่างประเทศ เมื่อ 4 วันก่อน มีหญิงไทย 3 คน ลากกระเป๋ามาพักที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมไปทำงานที่เกาหลี โดยเมื่อเช้าวานนี้ พบ 1 ใน 3 คน ออกไปซื้อของร้านสะดวกซื้อ และไม่เห็นหน้าอีกเลย
