“เรืองไกร” ร้องสอบ “ชาดา” เสียภาษี ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
52 แชร์
“เรืองไกร” ร้องนายกฯ สั่งสอบกรมสรรพากร “ชาดา” เสียภาษี ถูกต้องครบถ้วน หรือไม่
วันนี้ ( 30ส.ค.66) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นเรื่อง ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ สั่งการให้กรมสรรพากร ตรวจสอบ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้ที่มีชื่อใน “ครม.เศรษฐา” ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจาก จากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของ สส.ที่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งมีการเปิดเผยไว้ในเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. กว่า 500 คน นั้น พบข้อสังเกต กรณีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ในเรื่องภาษีเงินได้ เพราะ การแจ้งรายได้ที่นำไปเสียภาษี 20,012,720 บาท ขณะที่ เงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร ที่แจ้งไว้ 6,036,751.38 บาท ซึ่งเป็นผลต่างเกือบ 14 ล้านบาท (20,012,720 - 6,036,751.38) จึงขอให้มีการตรวจสอบภาษีดังกล่าว ว่ามีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อ 1. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุข้อมูลรายได้ ดังนี้
- รายได้ค่าตอบแทน 1,362,720 บาท
- รายได้ค่าที่ปรึกษา 600,000 บาท
- รายได้ค่าเช่าแผงเนื้อ 600,000 บาท
- รายได้ค่าขายนาฬิกา 1 เรือน 8,000,000 บาท
- รายได้ค่าอ้อย 450,000 บาท
- รายได้ธุรกิจค้าโค-กระบือ 10,000,000 บาท
- รายได้ค้าโคกระบือชำแหละ 7,000,000 บาท
รวมรายได้ต่อปี 28,012,720 บาท
ข้อ 2. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ดังนี้
- เงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 6,036,751.38 บาท
ข้อ 3. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุรายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน(บางส่วน)ที่เกี่ยวกับรายได้ ดังนี้
- โค จำนวน 214 ตัว 10,700,000 บาท
- กระบือ จำนวน 132 ตัว 6,600,000 บาท
ข้อ 4. เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุข้อมูลรายได้ ดังนี้
- รายได้เงินเดือน 1,362,720 บาท
- รายได้จากการเลี้ยงสัตว์ 600,000 บาท
รวมรายได้ต่อปี 1,962,700 บาท
ข้อ 5. นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา ดังนี้
- เงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 1,962,700 บาท
ข้อ 6. นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุรายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน(บางส่วน)ที่เกี่ยวกับรายได้ ดังนี้
- ไก่ชน พร้อมอุปกรณ์การเลี้ยง จำนวน 500 ตัว 5,000,000 บาท
ข้อ 7. กรณีของนายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ จะเห็นได้ว่า รายได้รวมกับเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรมีจำนวนที่เท่ากัน
ข้อ 8. แต่กรณีของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่แจ้งรายได้รวมต่อปี 28,012,720 บาท เมื่อหักรายได้ค่าขายนาฬิกา 1 เรือน 8,000,000 บาท (น่าจะเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมเสียภาษี) ควรจะเหลือรายได้ที่นำไปเสียภาษี 20,012,720 บาท ดังนั้น เงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร ที่แจ้งไว้ 6,036,751.38 บาท จึงมีผลต่างเป็นจำนวนประมาณเกือบ 14 ล้านบาท (20,012,720 - 6,036,751.38) กรณี จึงมีเหตุอันควรขอให้มีการตรวจสอบภาษีต่อไปว่ามีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่