เช้าข่าว 7 สี - ต้องถือเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะออกมาแฉเรื่องต่าง ๆ ครั้งนี้เป็นการแฉตามนัด Ep.3 "ตอกฝาโลง" นิติกรรมอำพรางตั้งนอมินีซื้อขายที่ดินริมย่านสุขุมวิท
นายชูวิทย์ ได้แถลงข่าว โดยบอกกับสื่อมวลชนว่า ถือเป็นการสั่งลาและการแถลงข่าวครั้งนี้จะเป็นการแฉครั้งสุดท้ายของตนเอง เจ้าตัวถึงกับบอกว่าถึงวาระของตนเองแล้ว ส่วนข้อมูลที่แฉครั้งนี้ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวโยงกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และบริษัท นอมินี ที่อ้างว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท แสนสิริ ซึ่งเป็นการซื้อขายที่ดินริมถนนสุขุมวิท ซอย 12 เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ
นายชูวิทย์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ในการอธิบายความเชื่อมโยงทั้งหมด เพื่อที่จะสื่อให้เห็นว่า การซื้อขายที่ดินดังกล่าวมีรูปแบบคล้ายกับการซื้อขายที่ดินที่เคยออกมาแฉใน Ep.1 และ Ep.2 เริ่มจากมีบริษัทเอกชนเป็นเจ้าของพื้นที่ จำนองที่ดินตัวเองไว้กับธนาคาร จากนั้นจะมีบริษัทนอมินี เข้าไปถือครองสัดส่วนบริษัท แล้วนำเงินจากบริษัทเอกชนที่ 2 ไปทำนิติกรรมเพื่อให้เกิดการ "ปลอดจำนอง" แล้วซื้อขายที่ดินกันในราคาที่ถูกกว่าความเป็นจริง เพื่อให้เหลือเงินส่วนต่างเข้าไปในกระเป๋าของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้ก็ได้ตรวจสอบยืนยันชัดเจนแล้วว่า บริษัทที่มาขอซื้อที่ดินเป็นเพียงบริษัทหลอก
ส่วนสาเหตุก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ พูดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ว่า ตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็งตับระยะที่ 3 ย่างเข้า 4 แล้ว ได้รักษาทำคีโมมาอย่างต่อเนื่อง และหมอบอกว่า เหลือเวลาอีกเพียง 8 เดือน
ขณะที่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ออกแถลงการณ์ ชี้แจงทั้งหมด 5 ข้อ ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าว และไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัทฯ ที่นายชูวิทย์ระบุ การซื้อที่ดินก็เป็นไปอย่างถูกต้อง ในราคาที่เหมาะสม สุดท้ายขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้
ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็บอกว่า หลังจากที่นายชูวิทย์ นำหลักฐานมาร้องเรียนให้ตรวจสอบ เรื่องการซื้อขายที่ดิน และการเลี่ยงภาษี ก็ได้ให้คณะทำงานตรวจสอบรายละเอียด ตั้งแต่วันศุกร์ (18 ส.ค.) ที่ผ่านมา และให้พนักงานสอบสวน ไปสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ แพทย์ที่เป็นเจ้าของที่ดิน และกลุ่มนอมินี ที่มีทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และแม่บ้าน นอกจากนี้ให้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ นำมาพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นความผิดตามที่นายชูวิทย์ร้องเรียนหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จะมีความชัดเจน
