ข่าวภาคค่ำ - อีกเพียงแค่ 2 วันจะได้ทราบกันแล้วว่า จะได้ชื่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากการประชุมรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคมนี้หรือไม่ โดยพรรคเพื่อไทยยังยืนยันเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แม้จะเผชิญกับมรสุมหลายด้านก็ตาม
มรสุมใหญ่ที่พัดกระหน่ำไปที่ นายเศรษฐา ไม่หยุด คือการเปิดข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ที่กล่าวหาว่ามีความไม่โปร่งใสในการซื้อขายที่ดินของ บมจ.แสนสิริ ช่วงที่ นายเศรษฐา เป็นผู้บริหาร ไล่ตั้งแต่มีการเลี่ยงภาษี 521 ล้านบาท ให้บริษัทลูกกู้เงินพันล้านบาท ในลักษณะเหมือนอัฐยายซื้อขนมยาย นำเงินจากบริษัทแม่มาให้บริษัทลูก จากนั้นให้บริษัทลูกขายที่ดินกลับไปให้บริษัทแม่อีกที และยังพบว่ามีการนำชื่อ รปภ. และ แม่บ้าน มาเป็นนอมินีในบริษัทลูกด้วย ขณะที่ทางแสนสิริ และ นายเศรษฐา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ขายที่ดิน
ทำให้ นายชูวิทย์ เปิดข้อมูลอีกชุดที่พบว่า รปภ. คนเดียวกับที่เป็นนอมินีให้กับบริษัทขายที่ดิน ซึ่ง แสนสิริ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องนั้น ยังเป็นนอมินีให้อีกบริษัทหนึ่งที่เป็นเจ้าของถนนในโครงการแสนสิริด้วย พร้อมขมวดประเด็นว่า แบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับแสนสิริ และนายเศรษฐาจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร เตรียมจะแถลงข้อมูลทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้ตัดสินใจว่า นายเศรษฐา ยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หรือไม่
ขณะที่ นายเศรษฐา ออกมาชี้แจงอีกครั้ง ยืนยัน 30 ปีที่ประกอบธุรกิจยึดมั่นในธรรมาภิบาล ไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ ตามที่ นายชูวิทย์ กล่าวหา จึงมั่นใจจะได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม นอกจากมีวาระเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว พรรคก้าวไกล ยังยืนยันไม่ถอนญัตติให้รัฐสภาทบทวนมติที่ห้ามไม่ให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ที่ค้างอยู่ในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งเรื่องนี้จบได้ 2 อย่าง คือ ประธานรัฐสภา อาจใช้อำนาจวินิจฉัย ปัดตกไป หรือ ให้เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภามีมติว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อจบเรื่องญัตติค้างของก้าวไกลแล้ว จึงจะเข้าสู่วาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งตามแผนที่มีการหารือกัน 3 ฝ่าย แบ่งเวลาการอภิปรายเรียบร้อย คาดว่าจะจบกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ภายในเวลาห้าโมงครึ่งของวันที่ 22 สิงหาคม
มีรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า พรุ่งนี้ (21 ส.ค.) จะมีการแถลงข่าวสรุปการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว แต่ยังไม่กำหนดเวลาและสถานที่ โดยยืนยันมี 314 เสียง บวกกับพรรคเล็กอีกสองพรรคที่ประกาศจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จึงมั่นใจชื่อนายเศรษฐาจะผ่านแบบม้วนเดียวจบ
