จับตา สัปดาห์ร้อนการเมือง

View icon 86
วันที่ 14 ส.ค. 2566
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - นับจากวันเลือกตั้ง วันนี้ก็ 92 วันแล้ว ที่ประเทศไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สัปดาห์นี้มีโอกาสได้ลุ้นว่า คนไทยอาจได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เสียที หลังมีความพยายามโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีมา 2 ครั้ง แต่ยังไม่สำเร็จ

โดยในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก วันที่ 13 กรกฎาคม คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้คะแนนเสียงไปแค่ 324 เสียง ขาดอยู่อีก 50 เสียง ทำให้ไปไม่ถึงฝัน ชวดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป

กระทั่งการโหวตเลือกนายกฯ รอบสอง ในวันที่ 19 กรกฎาคม มรสุมซัดใส่คุณพิธาแบบไม่ยั้งเลย เพราะในวันเดียวกันนั้นนอกจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. จากปมมีคุณสมบัติต้องห้ามจากการถือหุ้นสื่อแล้ว ที่ประชุมรัฐสภายังมีมติว่า ไม่สามารถเสนอชื่อคุณพิธาเป็นนายกฯ ได้ เพราะถือเป็นญัตติซ้ำขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 ทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองต้องเลื่อนออกไป

และยังต้องส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยไปจัดตั้งรัฐบาลด้วย โดยหวังว่าจะรักษาขั้ว 8 พรรค ที่จับมือกันไว้ได้ แต่เกมก็ไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง เพราะพรรคเพื่อไทยสลัดพรรคก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน เหลือเพียง 2 พรรค เท่านั้น คือ ไทยสร้างไทย 6 เสียง และ เป็นธรรม อีก 1 เสียง ที่ยังจับมือก้าวไกลแบบไปไหนไปกัน

จนถึงขณะนี้ พรรคเพื่อไทย มีคะแนนเสียงรวมอย่างเป็นทางการแล้ว 9 พรรค 238 เสียง และมี 40 เสียง ของพรรคพลังประชารัฐมาเติมให้เฉพาะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจะร่วมหัวจมท้ายในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งก็เรียกว่าทางเดินของเพื่อไทยค่อนข้างแคบ ถ้าไม่เอาก้าวไกล ก็ต้องเลือก 1 หรือ 2 ใน 3 พรรคนี้ คือ ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ หรือ รวมไทยสร้างชาติ

โดยตอนนี้สูตร 12 พรรค 315 เสียง ค่อนข้างมาแรง เพิ่มจาก 9 พรรค มาอีก 3 พรรค คือ 40 เสียง ของพลังประชารัฐ, 36 เสียง ของรวมไทยสร้างชาติ และอีก 1 เสียง จากประชาธิปไตยใหม่ แต่ 2 พรรคหลังยังไม่มีการประกาศต่อสาธารณชนถึงความชัดเจนในการโหวตเลือกนายกฯ แตกต่างจากพรรคพลังประชารัฐ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ จะประชุมกันวันพรุ่งนี้

เรียกว่าสัปดาห์นี้มีไทม์ไลน์การเมืองที่น่าสนใจเยอะเลย 15 สิงหาคม หลายพรรคการเมืองจะมีท่าทีชัดเจนว่าจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างที่เล่าเมื่อสักครู่

ถัดมาอีกวันหนึ่ง คือ วันที่ 16 สิงหาคม วันนี้จะเป็นวันเปิดประตูสู่อำนาจเลย เพราะศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ปมรัฐสภามีมติห้ามเสนอชื่อ คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง เพราะถือเป็นการเสนอญัตติซ้ำ ขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง ทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อทันที โดย อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นัดประชุมรัฐสภาไว้ในวันที่ 17-18 สิงหาคม หลายคนก็คาดการณ์กันว่า น่าจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อ คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หวังว่าจะผ่านฉลุยแบบม้วนเดียวจบ

โดยมีการโพสต์เฟซบุ๊กจาก สว.วันชัย สอนศิริ ระบุว่า ขบวนเสียงส่วนใหญ่ ใคร ๆ ก็พร้อมจะไปด้วย สว. ส่วนใหญ่พร้อมจะไปกับขบวนนี้ ทุกคนพร้อมยิ่งกว่าพร้อม เต็มที่ เต็มขบวน ทีมข่าวของเราสอบถามเพิ่มเติมไปที่ สว.วันชัย ท่านว่าอย่างไร ไปฟัง

แต่มีเสียงกระตุกเตือนจาก 2 สว.ตัวตึง คือ คุณกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ และ คุณเสรี สุวรรณภานนท์ ว่า ช้าก่อนอย่าเพิ่งมั่นใจไป เพราะ สว. หลายคนยังไม่มั่นใจในคุณสมบัติของ คุณเศรษฐา ที่ตอนนี้ก็กำลังโดนมรสุมเลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดิน ทำรัฐเสียรายได้ถึง 521 ล้านบาท

คุณเศรษฐา ยังต้องเจออุปสรรคเข้าไปอีกเมื่อมีข่าวสะพัดว่า พรรคที่จะร่วมรัฐบาลยื่นข้อเสนอว่า ควรแบ่งกระทรวงให้ชัดเจนก่อนโหวตนายกฯ รวมถึงพิจารณากระทรวงเดิมเป็นอันดับแรกเพื่อทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้น จัดสัดส่วนไว้ 9 ต่อ 1 ซึ่งเป็นท่าทีเดียวกับที่ คุณวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ว่าเรื่องนี้ควรชัดเจนระดับหนึ่งก่อน และแน่นอนหลายคนอยากทำงานในกระทรวงเดิม

ขณะที่ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ก็ยังไม่หยุดภารกิจแฉเพื่อชาติ เมื่อวานนี้โพสต์แรงเลย เปรียบการเมืองยุคนี้เป็นดั่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กล้าเอาอุดมการณ์ไปเร่ขายเพื่อแลกกับการกลับบ้านของคนเพียงคนเดียว จั่วหัวเรื่องไว้แบบดุดันไม่เกรงใจใครว่า "รัฐบาลมิจฉาชีพ"

กล่าวหายาวเหยียดว่า หลอกลวงประชาชน เตรียมผลักดันนายกฯ นอมินี ซึ่งในวันอังคารที่ 15 สิงหาคม (พรุ่งนี้) เขาจะเปิดเผยพฤติกรรมของบุคคลที่กำลังขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เพราะฉ้อฉล ปล้นเงินผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน จึงถือเป็นเกียรติยศยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้แฉเพื่อชาติ "กระชากหน้ากากคนโกง เปิดโปงคนชั่ว ไม่เกรงกลัวอิทธิพล"

และไม่ได้มีแค่ คุณชูวิทย์ ที่ออกโรงค้านรัฐบาลเพื่อไทย ยังมีกลุ่ม "โมกหลวงริมน้ำ" จัดกิจกรรมคาร์ม็อบ เมื่อวานนี้รวมตัวกันที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต ก่อนจะเคลื่อนมวลชนขับขี่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และปิดท้ายขบวนด้วยรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง เคลื่อนตัวไปยังหน้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ย่านบางเขน เพื่อไปแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยทันทีที่ไปถึง ตำรวจ สน.บางเขน ได้ประกาศแจ้งเตือนไม่ให้ผู้ชุมนุมกระทำผิดกฎหมาย และหากมีการละเมิดข้อกฎหมายใดก็จะมีการดำเนินคดีในภายหลัง ก่อนปล่อยให้กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินกิจกรรมต่อ โดยมีการปิดการจราจร 1-2 ช่องทาง บนถนนพหลโยธิน ที่บริเวณหน้าพรรคภูมิใจไทย

จากนั้น แกนนำได้นำ "ขี้แมว" มาม้วนพันลำคล้ายกัญชา ก่อนจะจุดไฟเผาแล้วโยนเข้าไปในพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ ยังนำ "ขี้แมว" บางส่วนไปโปรยที่ป้ายพรรคฯ เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่า เป็นการ "ไล่หนู" ก่อนจะปราศรัยวิจารณ์การที่ พรรคเพื่อไทย และ พรรคภูมิใจไทย จับมือกันร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปที่พรรคเพื่อไทย และสลายการชุมนุมไปโดยไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ

ส่วนที่มีการจับตากันว่า หมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 หรือไม่ หลังพรรคก้าวไกลถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน ล่าสุด มีคำยืนยันจากเจ้าตัวแล้วว่า ไม่ลาออกง่าย ๆ โดย หมออ๋อง ทวิตข้อความสั้น ๆ แต่ได้ใจความว่า "ผมไม่ลาออกง่าย ๆ หรอกครับ จบนะ" ถือเป็นการแสดงจุดยืนครั้งแรกว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ยังให้สัมภาษณ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้

สาเหตุที่ทำให้ หมออ๋อง ถูกตั้งคำถามบ่อยครั้งว่าจะลาออกหรือไม่ ก็เพราะตอนนี้สถานะของพรรคก้าวไกลค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า น่าจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ตำแหน่งที่หมออ๋องเป็นอยู่ในขณะนี้ คือ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 นั้น ควรจะเป็นสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล

หาก หมออ๋อง ยังนั่งในตำแหน่งนี้ต่อไป จะทำให้หากพรรคก้าวไกลต้องเป็นฝ่ายค้านจริง ๆ หัวหน้าพรรคก็จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดว่า ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นหัวหน้าพรรคที่มีสมาชิกมากที่สุด โดยไม่มีสมาชิกพรรคเป็นรัฐมนตรี ประธานและรองประธานสภาฯ