สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - เมื่อวาน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำหลักฐานไปยื่นให้ กรมสรรพากร ตรวจสอบข้อสงสัยการหลีกเลี่ยงภาษี 500 กว่าล้านบาท ที่อาจเกี่ยวข้องกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมกับยอมรับว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง ที่ออกมาแฉ เพราะเป็นความสุขสุดท้ายที่อยากทำก่อนเสียชีวิต
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานการโอนที่ดิน เอกสารการประชุม ใบเสร็จ และเอกสารอื่น ๆ ไปมอบให้ นายกิตติพล สิงห์ทน หัวหน้าส่วนประชาสัมพันธ์ รักษาราชการแทนเลขานุการกรมสรรพากร เพื่อขอให้ กรมสรรพากร ตรวจสอบพฤติกรรมการทำธุรกรรมของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และบริษัท แสนสิริ ที่มีการซื้อขายที่ดิน 1 ไร่ 1 ตาราวาง ติดถนนสารสิน ที่เปลี่ยนวิธีการโอนที่ดิน เป็นการโอนแยกตามจำนวนผู้ถือหุ้น 12 คน 12 วัน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี รวมความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
นายชูวิทย์ บอกว่า ที่ออกมาพูด เพราะนายเศรษฐา กำลังจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะอ้างว่ามีหน้าที่เพียงเซ็นอนุมัติอย่างเดียว ไม่รู้เห็นรายละเอียดการโอน แต่หาก นายเศรษฐา ได้เป็นนายกฯ แล้วเซ็นอนุมัติโครงการบางอย่างไป แต่ไม่รับผิดชอบผลที่จะตามมาได้หรือไม่ ซึ่งการดำเนินธุรกรรมดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับต้น ๆ ของประเทศ จะไม่รู้ว่าการโอนที่ดินแยกเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี และยังมัดจำที่ดิน 50-52% ซึ่งเป็นเงินมัดจำที่สูงกว่าปกติ ทำให้เชื่อได้ว่าเงินจำนวนนี้มีเป้าหมายเพื่อโอนเข้ากระเป๋าคนที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน จึงต้องถือว่า นายเศรษฐา มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด พร้อมยืนยันว่าราคาที่ดินตารางวาละ 4 ล้านบาท ที่ซื้อในปี 2562 เป็นราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน เป็นการปั่นราคาที่ดิน เมื่อมีการโอนเงินให้ 12 คน 12 วัน ก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด 12 กรรม แยกกันไป
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังยอมรับว่า ที่ออกมาแฉทุกวันนี้ เพราะตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มาก เนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าอาจอยู่ได้อีกไม่เกิน 8 เดือน จึงอยากเลือกใช้ชีวิตช่วงสุดท้าย ทำสิ่งที่มีความสุข ด้วยการทำประโยชน์ให้สังคมและประเทศ
เบื้องต้น รักษาราชการแทนเลขานุการกรมสรรพากร บอกว่า จะขอไปตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อนว่าเข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ จากนั้นจึงจะพิจารณาว่าจะต้องเรียก นายเศรษฐา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงหรือไม่
