ธนกร ติง ชัยธวัช แพ้แล้วพาล อ้างโหวต พิธา ไม่ผ่าน เพราะขั้วอำนาจเก่ากดดัน ลั่น อย่าพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

View icon 201
วันที่ 14 ก.ค. 2566
ข่าวช่อง7HD
แชร์
“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” แพ้แล้วพาล อ้างโหวต พิธา ไม่ผ่าน เพราะขั้วอำนาจเก่ากดดัน ลั่น อย่าพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น จี้ เคารพเสียงข้างมาก ตามระบอบประชาธิปไตย และขออย่าปลุกมวลชนกดดัน ถามอยากชนะบนซากปรักหักพังของประเทศหรือ?

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์อ้างว่า ขั้วอำนาจเก่าพยายามกดดัน สว.ไม่ให้โหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ เพื่อหวังพลิกขั้วรัฐบาล ว่า เลขาพรรคก้าวไกลต้องยอมรับในระบบประชาธิปไตยอย่างที่เคยใช้มาตลอดการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เมื่อแพ้โหวตแล้วกลับมาโจมตีพาดพิง อ้างว่ามีอำนาจเก่ากดดัน สว. ไม่ให้โหวตสนับสนุนอย่างนั้นอย่างนี้ ตนเองคิดว่า นายชัยธวัช ควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ไม่ใช่แพ้แล้วพาล ควรมองตัวเองว่ามีคุณสมบัติครบหรือไม่และ ที่สำคัญประเด็นการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว จึงไม่ควรอ้างและกล่าวหา ว่าสาเหตุที่แพ้โหวตมาจาก ขั้วอำนาจเก่า  ซึ่งหากรอบแรกไม่ผ่าน  รอบต่อไป ก็ควรเป็นความชอบธรรมที่จะให้พรรคอันดับ 2 เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯตามกระบวนการ เพราะยื้อต่อไปก็ไม่เห็นชัยชนะ

“อย่างที่พรรคก้าวไกลพูดย้ำอยู่เสมอว่าให้เคารพเสียงข้างมาก วันนี้ ก็ขอให้เคารพเสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภาที่ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุนนายพิธาตามระบบรัฐสภา ที่เป็นประชาธิปไตย อย่าแพ้แล้วพาลโทษคนอื่นขอให้กลับไปทบทวนตัวเอง มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ อย่าพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นแบบนี้ไม่ใช่สุภาพบุรุษ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยธวัช ยังบอกว่าจะสู้จนถึงที่สุด เพราะให้สัญญาประชาชนจำนวนมากที่ยังสนับสนุนจึงถอยเรื่องนี้ไม่ได้ และยังเสนอสภาปิดสวิตช์ สว.ยกเลิกมาตรา 272 ไม่ให้อำนาจ สว. ด้วย นายธนกร กล่าวว่า การเดินแนวทางนี้ของพรรคก้าวไกล กำลังเป็นการปลุกระดมมวลชนในทางอ้อม จะเห็นได้ว่าเมื่อวานนี้มีการนัดหมายมวลชนในทุกจังหวัด เพื่อติดตามการโหวต ต้องการนำสถานการณ์ไปให้ถึงความสุกงอมโดยเอาประชาชนเป็นตัวประกัน จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจทั้งหมด ตนมองว่า หากพรรคก้าวไกล นึกถึงบ้านเมืองประเทศชาติ และประชาชนจริง ก็ขอให้ทบทวน

“ไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลต้องการเข้ามาพัฒนาประเทศจริงหรือไม่ตามที่ได้ประกาศ แต่การที่เดินแนวทางการเมืองแบบนี้ท้ายที่สุด แม้จะชนะด้วยมวลชน แต่ก็เป็นการชนะบนซากปรักหักพัง ถามว่าจะเดินไปแบบนั้นจริงหรือ ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน ประเทศเดินมาไกลแล้ว ผมไม่อยากบ้านเมืองกลับไปสู่วังวนแห่งความขัดแย้งเผาบ้านเผาเมืองอีก ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้วางรากฐานที่ดีในทุกด้านไว้แล้ว รัฐบาลใหม่มาก็เดินหน้าต่อได้ ใครจะได้เป็นรัฐบาลก็ว่ากันไปตามครรลองประชาธิปไตย”