หนี้ข้าราชการ ครู 9 แสนคน ตร. 8 หมื่นนาย คณะทำงาน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ผุดไอเดียหักเงินเดือนใช้หนี้ ต้องเหลือติดบัญชี 30% ของเงินเดือน ให้พอเหลือไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พร้อมตั้งวอร์รูมแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล วันนี้ (2 ก.ค.66) ภายหลังการประชุมระดับหัวหน้าพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แถลงผลการประชุมว่า การทำงานของคณะทำงานช่วงเปลี่ยนผ่าน หารือทั้งในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ราคาน้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า หนี้ครัวเรือน ในประเด็นราคาน้ำมันดีเซลซึ่งมีโอกาสปรับราคาขึ้น 5 บาท ที่ประชุมฯ มีความเห็นตรงกันว่า ยังไม่มีความจำเป็นในการขึ้นราคา และสามารถขยายเวลาการจัดเก็บภาษีออกไปได้ก่อน แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลรักษาการ รวมถึงค่าไฟฟ้า ที่จะต้องมีการหาสมดุลราคาพลังงาน และสมดุลสิ่งแวดล้อม การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมพลังงานระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาค่าครองชีพให้ประชาชน
นายพิธา เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการตั้งวอร์รูม แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีตำรวจ และดีเอสไอ รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาติดตามการแก้ปัญหา การเปลี่ยนระบบเน็ตประชารัฐ เป็นอินเทอร์เน็ตประชาชน ใช้ระบบไฟเบอร์ออปติก ซึ่งค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า และระบบเสถียรกว่า รวมถึงการพัฒนาระบบดิจิทัลไอดีการ์ด ให้บัตรประชาชนใบเดียวของประชาชน สามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุข และการศึกษาได้มากขึ้น และการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการใช้ประโยชน์จากสัญญาเขตการค้าเสรี หรือ FTA ทั้งที่ประเทศไทยมีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ และผลักดันให้เกิดตลาดใหม่ ๆ ในเขตพื้นที่ที่กรเจรจายังไม่สำเร็จ
ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ข้าราชการ โดยหนี้ กยศ.เสนอให้สร้างแรงจูงใจในการชำระคืน และช่วยเหลือลูกหนี้ ในการลดค่าปรับ ลดเงินต้นมากกว่าลดดอกเบี้ย ส่วนปัญหาหนี้ข้าราชการ ประมาณ 3-4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นครู 9 แสนคน และตำรวจ 8 หมื่นนาย โดยตำรวจ 21% ถูกหักเงินดือนชำระหนี้สหกรณ์ฯ จนไม่เหลือเงินเดือน หรือเหลือเงินติดบัญชีพัยงหลักร้อยบาท ทำให้มีรายรับไม่พอรายจ่าย ที่ประชุมฯ จะเสนอให้กรมบัญชีกลางรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะมีหนี้เท่าไหร่ การหักเงินเดือนต้องเหลือไว้ 30% ของเงินเดือน เพื่อให้ข้าราชการมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้
นายพิธา ยังย้ำด้วยว่า ปลายทางการทำงานของคณะเปลี่ยนผ่าน และคณะทำงานย่อย จะได้ข้อสรุปเพื่อเป็นนโยบายของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่ตนเอง จะใช้ในการแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภา และเป็นวาระในการประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อให้การบริราชการแผ่นดิน เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
