แคดดีสาว แชร์ประสบการณ์ชีวิต ป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง

View icon 2.8K
วันที่ 31 พ.ค. 2566
ข่าวออนไลน์
แชร์
จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราว เตือนสติ ใครที่ชอบอดหลับอดนอน นอนไม่พอ กินอาหารไม่เป็นประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย ไม่ดูแลสุขภาพ ให้ดูเธอเป็นตัวเอง หลังเธอพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ หรือที่เรียกว่า โรคแพ้ภูมิตัวเอง จนทำให้ชีวิตพัง จากคนหน้าตาดี  ต้องมาเสียโฉม ไม่กล้าออกไปพบปะผู้คน

โดยล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น.  วันนี้ (31 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเจ้าของโพสต์ ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยได้พบกับ น.ส.กัญญารัตน์ อายุ 24 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง ลักษณะภูมิแพ้ด้านผิวหนังอักแสบ จนเป็นผื่นแดงทั่วร่างกาย และมีเลือดซึมออกมาทางผิวหนัง โดยพักอาศัยอยู่กับแม่ เพียงลำพัง 2 คน

น.ส.กัญญารัตน์ เล่าว่า ใช้ชีวิตอยู่กับแม่แค่ 2 คน เพราะพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่อายุ 3 ขวบ พออายุ 10 ขวบ ก็ไปช่วยญาติขายเสื้อผ้าแฟชั่นตามตลาดนัด เพื่อหาเงินเรียน และแบ่งเบาภาระผู้เป็นแม่ นั่นคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตนอนดึกตื่นเช้า เพราะต้องปิดร้าน ช่วงเที่ยงคืน ตี 1 และ ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน แถมกินทุกอย่างที่อยากจะกิน ไม่ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปี

จนเรียนจบ ก็ไปสมัครงานเป็นแคดดี ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิด ทางสนามกอล์ฟ ได้ให้พนักงานฉีดวัคซีน ซึ่งตนไปแจ้งกับทางบริษัทฯ ขอไม่ฉีดวัคซีน เนื่องจากรู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคภูมิแพ้ จึงไม่ขอฉีดวัคซีน แต่กฏของบริษัทฯ คือ ต้องฉีด ตนจึงตัดสินใจรับวัคซีน โดยฉีดเข็ม 2 แรก หลังจากฉีดวัคซีน ก็เริ่มมีผืนสีแดงขึ้นเห่อเต็มตัว จึงไปหาหมอผิวหนัง แต่คุณหมอบอกว่าเป็นโรคโรคแพ้ภูมิตัวเอง ลักษณะภูมิแพ้ด้านผิวหนังอักแสบ ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ (ยาลดอักเสบแบบเฉียบพลัน) เพื่อกดภูมิคุ้มกัน ช่วงแรกๆ ที่ใช้ยา ก็ดีขึ้น แต่พอไปฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย ร่างกายก็ทรุดลงอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หนักมาก ผื่นเห่อขึ้นทั้งตัว แบบว่าขึ้นทุกซอกทุกมุมของร่างกาย แถมยังมีเลือดไหลซึมออกมาตามช่องผิวหนัง ตอนนั้นถึงขั้นนอนติดเตียง ลุกเข้าห้องน้ำไม่ไหว โดยมีแม่คอยดูแลมาตลอด ก่อนที่จะโพสต์เรื่องราวให้ทุกคนได้เห็น เมื่อวันคล้ายวันเกิด 25 ก.ย.
65 ที่ผ่านมา
       
ซึ่งปัจจุบัน ตนเริ่มมีอาการดีขึ้น และต้องใช้ยาสเตียรอยด์ตลอด เพื่อกดภูมิคุ้มกันไว้ ประกอบกับได้ยาแผนโบราณ จนอาการเริ่มดีขึ้น แต่ก็กินตามใจปากเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ กินได้เฉพาะบางอย่าง อีกทั้งไม่ได้ทำงานมานานกว่า 1 ปีแล้ว งานก็ทำไม่ได้ แม่ก็ต้องมาคอยดูแลตลอด เคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่ก็มีแม่คอยให้กำลังใจ จึงได้นำเรื่องราว ออกมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้ฟัง ว่า ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ดูแลสุขภาพตัวเอง เลือกกินแต่ของที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายบ่อยๆ อย่าเป็นเหมือนตน กว่าจะรู้ตัว ก็หายารักษาให้หายขาดไม่ได้