ชาวซูดานกว่า 100,000 คน อพยพออกนอกประเทศหนีภัยการสู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลังกึ่งทหารที่ดำเนินมาถึงสัปดาห์ที่ 3 แล้ว ขณะที่องค์การสหประชาชาติเตือนว่า สถานการณ์อาจนำไปสู่วิกฤติด้านมนุษยธรรมเต็มรูปแบบ
วันนี้ (3 พ.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า ประชาชนชาวซูดานกว่า 100,000 คน ได้อพยพออกนอกประเทศ นับตั้งแต่กองทัพซูดานและกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (RSF) สู้รบกันอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา และมีพลเมืองซูดานกว่า 334,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยภายในประเทศ
นอกจากนี้ องค์การสหประชาชาติ เตือนด้วยว่า สถานการณ์สงครามกลางเมืองของซูดาน อาจเลยเถิดเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมเต็มรูปแบบ ถ้าทั้งสองฝ่ายยังไม่ยอมเจรจาสันติภาพเพื่อยุติการสู้รบโดยเร็ว เนื่องจากกระบวนการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนซูดานต้องหยุดชะงัก เนื่องจากการสู้รบกันของกองกำลังทหาร 2 ฝ่าย แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว 72 ชั่วโมง เมื่อวันอาทิตย์ (30 เม.ย. 66) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อตกลงหยุดยิงครั้งที่ 6 แล้วนับตั้งแต่ 2 ฝ่ายโจมตีกันเมื่อ 18 วันที่แล้ว
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความเป็นห่วงต่อรายงานข่าวที่ว่า กองกำลังทหาร 2 ฝ่ายยิงโจมตีโรงพยาบาล 26 แห่ง เนื่องจากถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของกองกำลังทหาร ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่แพทย์และผู้ป่วยในโรงพยาบาลเสียชีวิตจำนวนมาก
ทั้งนี้ สถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพซูดานกับกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว “RSF” ที่ดำเนินมา 18 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 528 คน และบาดเจ็บราว 4,600 คน
