ห้องข่าวภาคเที่ยง - หลังได้หมายเลขผู้สมัครแล้ว ทุกพรรคต่างเดินหน้าหาเสียงกันเต็มที่ หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการหาเสียง คือ การจัดเวทีปราศรัย ซึ่งแฝงความนัยมากมาย จะต้องจัดที่ไหน ทำไมต้องที่นั่น ขอบสนามเลือกตั้งมีคำตอบ
หลังจับสลากหมายเลขผู้สมัคร และหมายเลขหาเสียงของพรรคการเมืองแล้ว ก็เดินหน้าหาเสียงเต็มสูบ หลายพรรคเปิดตัว Kick off ยิ่งใหญ่ จัดเต็มวางแผนเวทีปราศรัยเปิดตัว และเตรียมล่วงหน้าไปถึงการปิดเวทีปราศรัย อย่างมีนัยยะ แฝงความหมายทางภูมิศาสตร์การเมือง เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สู่ชัยชนะ หรือ อาจเป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมา เพื่อช่วงชิงความสำเร็จ
อย่างวัฒนธรรมการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีฐานเสียงสำคัญอยู่ในภาคกลาง หลายจังหวัดเป็นพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะสุพรรณบุรี ถือเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของตระกูลศิลปอาชา ต้องรักษาไว้ให้ได้ทั้ง 5 เขต จึงมักเลือกเปิดเวทีปราศรัยแรกที่จังหวัดนี้ ประกาศลั่นกลองรบ สร้างความฮึกเฮิม และทุกครั้งจะเลือกปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่จังหวัดนครปฐม โดยถือเอาชื่อจังหวัดภาคกลางที่เป็นมงคล ในความหมายปฐมฤกษ์ หรือ ฤกษ์ดี ในการเริ่มต้นก้าวเป็นผู้แทนของปวงชน ปักหมุดเวทีสุดท้าย ต้องจับตาว่า พรรคชาติไทยพัฒนา จะยังคงยึดวัฒนธรรมนี้ไว้หรือไม่
ส่วน พรรคชาติพัฒนากล้า หรือ พรรคชาติพัฒนาในอดีต มีฐานที่มั่นอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา และ ประกาศตัวมาตลอดว่าเป็นพรรคของคนโคราช จึงเคยเลือกเปิด-ปิดเวทีปราศรัยที่เมืองย่าโม แต่เมื่อ ณ ปัจจุบันรวมพลังกับพรรคกล้า จึงปรับกลยุทธ์เลือกจัดเวทีในพื้นที่ความหวัง คราวนี้ประเดิมที่จังหวัดสงขลา 7 เมษายนนี้ เพราะเชื่อมั่นในกระแสเน็ตไอดอลคนดัง แต่ก็ไม่ทิ้งแดนดินถิ่นโคราช เตรียมกระจายเวทีหาเสียงย่อยทั่วเมือง หวังแบ่งเค้กเก้าอี้ สส. ที่มีผู้แทนได้ถึง 16 คน
สำหรับพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีฐานเสียงสำคัญอยู่ในภาคใต้ และ กทม. มักเลือกเปิด-ปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่เมืองกรุง เพราะถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญ เป็นพื้นที่ความหวัง ถึงแม้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่อาจคว้ามาได้แม้แต่ที่นั่งเดียว คอการเมืองถึงกับพูดคำว่า ปชป. สูญพันธุ์แล้วในเมืองกรุงฯ แต่มาครั้งนี้หวังทวงคืนความไว้วางใจ จึงปรับกลยุทธ์ เอาใจเฉพาะชาว กทม. เป็นพิเศษ ประเดิมจัดเวที "เสนอนโยบายเพื่อคนกรุงเทพฯ" 7 เมษายนนี้เช่นกัน
ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ซึ่งผูกขาดความสำเร็จ ครองแชมป์ชนะเลือกตั้งมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี แม้จะเปลี่ยนชื่อพรรคมาครั้ง ่กลยุทธ์ที่ใช้ คงความมีแบบแผนชัดเจน ต้องเปิดและปิดเวทีปราศรัย ที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แม้ฐานที่มั่นสำคัญ จะอยู่ในภาคเหนือ และ ภาคอีสานเป็นหลักก็ตาม ทันทีที่ลงสมัครรับเบอร์เรียบร้อย วันนี้ Kick off เวทีใหญ่ ภายใต้ชื่อ "หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน" เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คน เดินหน้าหาเสียงเต็มกำลังทั่วทิศ ก่อนกลับมาปิดปราศรัยใหญ่ ที่เมืองหลวงในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้
แต่สำหรับพรรคเกิดใหม่อย่างก้าวไกล ที่กลายร่างมาจากพรรคอนาคตใหม่ เคยมี สส. ในมือมากว่า 80 ที่นั่ง ก่อนจะกลายพันธุ์เป็นงูเห่า เลื้อยไปอยู่พรรคอื่นไม่น้อย เดิมทำการเมืองด้วยใจสู้ เน้นชูตัวบุคคลตะลุยสู้ยิบตา ไม่มีแบบแผนมากนัก จนต้องสูญเสียขุนพลคนสำคัญ มาถึงเลือกตั้งครั้งนี้ จึงจัดกระบวนทัพใหม่ วางยุทธศาสตร์อย่างเป็นระบบ การปราศรัย เน้นกระจายคีย์แมนคนดังไปทุกภาค ตระเวณเก็บวนครบทุกจังหวัดในแต่ละโซน ก่อนจะกลับมารวมตัวปิดปราศรัยใหญ่ที่เมืองหลวง ฐานที่มั่นสำคัญ แว่วว่าหวังเก้าอี้ สส.กทม.ถึง 18 ที่นั่ง
เกาะติดทุกความเคลื่อนไหว เลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย ได้ที่ www.ch7.com/election2566
ช่องทางโซเชียลมีเดีย
Facebook : www.facebook.com/Ch7HDNews
Twitter : www.twitter.com/Ch7HD
IG : www.instagram.com/ch7hd_news
TikTok : www.tiktok.com/@ch7hd_news
Youtube : www.bit.ly/youtubech7hd