อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้อง แยม ธมลพรรณ์ – สามี เอาผิด ทำเว็บโป๊-พนัน-ฟอกเงิน

View icon 376
วันที่ 12 มี.ค. 2566
ข่าวในประเทศ
แชร์
จากกรณี แยม อดีตนางเอกละครพื้นบ้าน พร้อม อั้ม สามีถูกจับกุมในคดีร่วมกันเปิดเว็บพนันออนไลน์ มีเงินหมุนเวียน 7 พันล้านบาทต่อเดือน ซึ่งศาลไม่ให้ประกันตัว ทำให้ถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :ไม่ได้ประกันตัวรอบ 2 แยม อดีตนางเอกละครพื้นบ้าน นอนคุกต่อ

ล่าสุดวันนี้ (12 มี.ค. 66 ) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีอาญาที่ 35/2565 จากพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม มีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม อายุ 42 ปี พร้อมภรรยา น.ส.ธมลพรรณ์ หรือ แยม อายุ 40 ปี ในความผิดฐานพนันออนไลน์และสำนวนฟอกเงิน

เนื่องจากการพิจารณาสำนวนมีพยานหลักฐานว่า ผู้ต้องหาทั้ง 16 ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำ จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ www.ufa24h.net และแพร่ภาพยนตร์ลามกที่มีภาพเปลือยอวัยวะเพศ และภาพชายหญิงแสดงการร่วมเพศอันมีลักษณะลามก เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทางเว็บไซต์ https://hd.star4k.com โดยให้ประชาชนเข้าดูได้ และเรียกเก็บเงินในการสมัครเป็นสมาชิก และมีการโอนเงินระหว่างบัญชีม้า บัญชีพัก บัญชีจ่าย และมีการถอนเงินออกจำนวนมากรวมกันหลายร้อยล้านบาท อันมีลักษณะสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน จึงมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด

ต่อมาในวันที่ 9 มี.ค. 66 ที่ผ่านมาพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 ได้ยื่นฟ้องคดีนี้โดยมี นายภูมิพัฒน์ เป็นจำเลยที่ 2 และ น.ส.ธมลพรรณ์ เป็นจำเลยที่ 7 ต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ. 669/2566 กับพวกรวม 12  คนในความผิดฐานร่วมกันเพื่อประสงค์แห่งการค้า ทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งรูปภาพ ภาพ โฆษณา รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือสิ่งอื่นใดอันลามก, ร่วมกันจัดให้มีการ เล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันใน การเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการ สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงินส่วน ผู้ต้องหาอีก 4 คน ก็ได้มีความเห็นควรสั่งไว้เช่นกันแต่อยู่ระหว่างหลบหนี

ส่วนข้อหาร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้กล่าวหา นายเชษฎ์ชัย ผู้ต้องหาที่ 2 , นายภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.ธมลพรรณ์ ประเสริฐวิทย์ ผู้ต้องหาที่ 7 ได้มีคำสั่งให้แยกสำนวนการสอบสวนเป็นอีกคดีต่างหาก เนื่องจากพยานหลักฐานมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน เนื่องจากพนักงานสอบสวนยังต้องสอบสวนให้ละเอียดเพิ่มเติม และคดีจะครบฝากขังครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2566 ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงให้แยกสำนวนคดีต่อไป