"ชูวิทย์" ถือปี๊บขึ้นโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวพยานแฉตำรวจรีดเงินนักท่องเที่ยว บอกเอามาฝาก ผบช.น. แฉราคาค่าตั้งด่านเดือนละแสน ประเมินอัตรา “รีด” ไม่ต่ำกว่า 300 ล้าน แอลกอฮอล์ 3 หมื่น ฉี่ม่วง 1 แสน ยาเสพติด 3 -5 แสน อาวุธ ควันดำ บุหรี่ไฟฟ้า นี่คือกระบวนการรีดไถหลังบ่อนถูกปิด
ตำรวจรีดเงิน วันนี้ (1 ก.พ.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นัดเปิดตัว “สกาย” นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวสิงคโปร์ กลุ่มเดียวกับดาราสาวชาวไต้หวัน พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นผู้จ่ายเงิน 27,000 บาท ให้กับตำรวจ สน.ห้วยขวาง กรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า
เมื่อถึงเวลาแถลงข่าว 14.00 น. นายชูวิทย์เดินถือปี๊บ นำมาใช้ประกอบการการแถลงข่าว พร้อมบอกว่าเอามาฝากให้ ผบช.น.เอาปี๊บไว้คลุมหัว และเดินตีปี๊บเข้าห้องแถลงข่าว เริ่มเปิดคลิปการให้สัมภาษณ์ของ ผบช.น.ชี้แจงว่าตำรวจไม่ได้ทำตามที่ถูกกล่าวหา บช.น. จะปกป้องเกียรติของตำรวจ
นายชูวิทย์ ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าขายทั่วบ้านทั่วเมือง ในตลาดห้วยขวาง ทองหล่อ ผบช.น.ให้ขายได้อย่างไร แล้วไปบอกนักท่องเที่ยวว่าผิด ต้องจับ ค้นถึงขั้นให้ถอดรองเท้า ตำรวจบอกนิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้นทิ้ง ตอนนี้ตัดทิ้งทุกนิ้ว มือกุดแล้ว ต้องตัดแขนขวา จากนั้นนายชูวิทย์ได้เปิดตัว “สกาย” นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ เพื่อนเที่ยวก๊วนเดียวกับชาร์ลีน ดาราสาวชาวไต้หวัน โดยพยานเดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อเปิดเผยเรื่องราวในวันเกิดเหตุตำรวจตั้งด่านรีดเงินนักท่องเที่ยว
(
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หนุ่มสิงคโปร์ เพื่อนดาราสาวไต้หวัน เผยตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน จำใจจ่ายเงินให้ตำรวจ )
นายชูวิทย์ ประกาศจองล้างจองผลาญคอรัปชันทุกเรื่อง ไม่พูดเพื่อเคลียร์ลับหลัง จะเคลียร์ผมถ้าคิดว่ามีเงินเยอะกว่าผมก็มา วันนี้ในกรุงเทพฯไม่มีบ่อน แต่ต้องหากินด่านรีดไถ โดยขอตั้งสมมุติฐาน 1 แสนบาท ต่อการตั้งด่าน 1 ครั้ง คำนวณจากทุก สน. รวม 264 ล้านบาท ไม่นับด่านจราจรกลางอีก ประเมินว่าอัตรารีดไถ 324 ล้านบาทต่อเดือน แอลกอฮอล์ 3 หมื่น ฉี่ม่วง 1 แสน ยาเสพติด 3 -5 แสน อาวุธ ควันดำ บุหรี่ไฟฟ้า นี่คือกระบวนการรีดไถหลังบ่อนถูกปิด อยากให้สังคมไทยตื่นตัวกลับคอรัปชัน เพราะนายกรัฐมนตรีปล่อยมากเกินไป การวิ่งเต้นทำให้นะบบตำรวจล่มสลาย
นายชูวิทย์ เปิดเผยถึงกรณี "สกาย" พยานหนุ่มชาวสิงคโปร์ ว่า ตนโทรศัพท์ไปถึง ผบ.ตร. แจ้งว่าพยานมาถึงแล้ว ขอส่งตำรวจมาสอบปากคำพยาน แต่อย่าชี้นำว่าเขาให้สินบน เขาถูกบีบคั้นจำเป็นต้องให้ ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา ที่อยากจะจบเรื่อง เรื่องนี้ควรเอ่ยคำขอโทษอย่างเป็นทางการ ควรจะคืนเงินเขาไป เรื่องนี้จบได้ว่าตำรวจผิดแน่นอน แต่เอาผิดแค่หัวหน้าด่าน ผู้กำกับบกพร่อง แต่ระบบการตั้งด่านควรยกเลิก ยิ่งตั้งด่านเยอะเท่าไรก็ไปเอาจากด่าน ประชาชนเดือดร้อน จะจับผู้ร้ายก็จับไป คนดีๆ เขากลัว ส่วนผู้ร้ายไม่กลัวเพราะรู้ว่าจ่ายแล้วรอด นักท่องเที่ยวทำผิดไม่มาก บุหรี่ไฟฟ้าปล่อยให้ขาย แต่ไม่อะลุ่มอล่วยให้นักท่องเที่ยว ผมไปสิงคโปร์ถ้าทิ้งบุหรี่ลงถนน ก็โดนจับแต่เขาเห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นแขก เขาจะตักเตือน ลงบันทึกไว้แต่ไม่ปรับ