“ชูวิทย์” ยืนยันเงื่อนไขสอบปากคำพยานชาวสิงคโปร์ นครบาลต้องนำรูปตร.ทุกนายของ สน.ห้วยขวาง มาให้พยานชี้ตัว สอบปากคำที่ รร.เดวิส เวลาบ่ายสาม เงิน 2.7 หมื่น คืนให้พยานไป อย่าเก็บไว้เป็นของกลาง
ตำรวจรีดเงิน วันนี้ (1 ก.พ.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดเผยถึงกรณีจะนำพยานพยานชาวสิงคโปร์ คนที่ถูกบังคับจ่ายเงิน 27,000 บาทให้กับตำรวจ สน.ห้วยขวาง มาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง โดยนายชูวิทย์บอกว่า พยานชาวสิงคโปร์ได้สอบถามกับเพื่อนของพยาน ว่า “ชูวิทย์” คือใคร เมื่อพยานก็ไว้ใจชูวิทย์ จึงได้ติดต่อมาหา ตนจึงได้เชิญให้บินด่วนมายังประเทศไทยเพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นให้สังคมได้รับรู้ความจริง หลังแถลงข่าวเสร็จจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถามพยาน และจะไม่ให้พยานไปสัมภาษณ์หรือออกรายการที่ไหนอีกเพื่อความปลอดภัยของพยาน
ในทางคดี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะต้องส่งเจ้าหน้าที่มาพบพยานที่โรงแรมเดวิส ซอยสุขุมวิท 24 ภายในเวลา 15.00 น. โดยมีเงื่อนไขว่าตำรวจจะต้องนำรูปตำรวจทุกนายใน สน.ห้วยขวาง มาให้พยานชี้ตัวต่อหน้าสื่อมวลชน ยืนยันว่าพยานจำหน้าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เรียกรับเงินได้ทุกคน แม้จะใส่หน้ากากอนามัย และห้ามอ้างว่าจะไปชี้ตัวที่โรงพัก หากไม่เอารูปมาตามเงื่อนไข ตนจะไม่ยอมส่งพยานไปให้ปากคำ หรือหากตำรวจไม่มาพบพยานในเวลาที่กำหนด ตนจะให้พยานเดินทางกลับประเทศทันที ส่วนเงิน 27,000 บาท ก็ขอให้คืนพยานไป อย่าเก็บไว้เป็นของกลาง
นายชูวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) บอกว่าดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้องในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 หรือการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งที่ตำรวจก็ยังสูบเอง และมีขายเกลื่อนเมืองนั้น ถือว่าเป็นการเอาเรื่องเล็กมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่ สิ่งที่สังคมต้องการอยากรู้คือเรื่องรีดไถเงิน ดังนั้นวันนี้ก็ให้มันรู้กันไปว่ารถขนร่างอาจารย์ใหญ่ที่ตนเองบริจาคให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะต้องไปบรรทุกใครที่ บช.น.
ส่วนนายกรัฐมนตรีก็ไม่ต้องไปลงพื้นที่ผูกผ้าขาวม้า นั่งรถแทร็กเตอร์เยี่ยมประชาชนได้แล้ว แต่ควรมาจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชัน จึงจะเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าท่านจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยต่อไปหรือไม่
