ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง ตำรวจรีดไถเงินดาราสาวไต้หวัน

View icon 135
วันที่ 31 ม.ค. 2566
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานนี้ ตำรวจออกมาขอโทษกับกรณีอื้อฉาว ดาราสาวไต้หวันกล่าวหาตั้งด่านรีดไถเงิน แต่ยังไม่ยอมรับว่ามีการรีดไถเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อ้างอยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าเดิม ขู่ว่ายอมรับความจริงซะเถอะ เพราะตอนนี้หลักฐานอยู่ในมือแล้ว เรื่องราวพลิกไปพลิกมาอย่างไร และน่าจะจบแบบไหน ไปติดตามกัน

ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง ตำรวจรีดไถเงินดาราสาวไต้หวัน
หลังจากเป็นข่าวไม่ถึงสัปดาห์ เรื่องนี้ก็มีประเด็นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้ลุ้นกันตลอด ตอนแรกตำรวจยืนยันเสียงแข็งเลยว่า ไม่มีการรีดไถเงินนักท่องเที่ยวแน่นอน ท้าให้ไปหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้เลย ล่าสุด เมื่อวานนี้ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงนามคำสั่งย้าย พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะพบเหตุต้องสงสัยว่า อาจมีตำรวจบกพร่องต่อหน้าที่ ย้ำว่า ย้ายเพราะบกพร่อง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องรีดไถ

ส่วนตำรวจที่เข้าเวรประจำด่านตรวจสกัดคืนวันที่ 4 มกราคม ถูกลงโทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ดำเนินคดีฐานครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า และปล่อยให้ออกจากด่านไป โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ส่วนประเด็นรีดไถเงิน ตอนนี้ประสานไปยังทางการไต้หวันแล้ว ให้ช่วยสอบปากคำดาราสาวและเพื่อน เพื่อพิสูจน์ความจริง

ชูวิทย์ ร้องให้ย้าย ผบช.น. หลังเกิดเรื่องอื้อฉาว
ส่วน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หลังจากที่นั่งรอฟังแถลงจากตำรวจอยู่แล้ว ก็ซัดกลับทันที แค่ย้ายผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไม่พอ คนที่ต้องถูกย้ายจริง ๆ คือ ผบช.น. ต่างหาก แถมโชว์ต่อสายตรงถึงหนุ่มสิงคโปร์ ยืนยัน ควักเงินจ่ายตำรวจ 27,000 บาท จริง

คนขับแกร็บคาร์ ยืนยันพูดความจริง ไม่มีใครเกลี้ยกล่อม
ฟัง นายชูวิทย์ ไปแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็จะนึกถึงคนนี้ คือ คนที่ขับรถแกร็บไปส่งผู้โดยสารกลุ่มนี้ ที่ถูกพาดพิงว่า โดนกล่อมจากตำรวจให้ให้การว่าร้ายดาราสาวฯ กับพวกว่าเมา เราไปสอบถามกันอีกครั้ง เจ้าตัวว่าอย่างไร ไปฟัง

หากพบหลักฐานรีดไถเงิน เตรียมรับโทษอาญา-วินัย
ตอนนี้สุดท้ายก็ยังไม่รู้ชัด รีดไถจริงหรือไม่ ต้องรอดูว่ามีพยานหลักฐานชัดกันแค่ไหน แต่ในทางกฎหมายหากพบว่ามีการรีดไถเงินเกิดขึ้นจริง ก็โดนคดีอาญาแน่ ๆ ไล่ตั้งแต่ มาตรา 149 (59) เรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ และมาตรา 157 (67) ฐานเป็นเจ้าพนักงานแต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีทั้งโทษปรับและจำคุก หนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต อีกทั้งยังเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 อีกด้วย

สิ่งที่นำมาหักล้าง ทำลายน้ำหนักดาราสาวไต้หวัน เรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้า แม้จะมีหลักฐานชัด แต่ก็ต้องแยกออกไปเป็นคนละประเด็นกับการรีดไถเงิน

ตอนนี้จึงอาจเรียกได้ว่า ภาพลักษณ์ตำรวจไม่สวยสดงดงามเท่าไหร่ ออกไปในทางฉาว ล้างคาวกันลำบาก แม้แต่คนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจโดยตรงยังส่ายหน้า ไม่ว่าจะแก้กฎหมายกันยังไง สุดท้ายถ้ารากเหง้าการทุจริตยังแก้ไม่ได้ ทุกอย่างก็ดูจะสูญเปล่า

สำหรับคดีนี้ แม้ตอนนี้ตำรวจจะยังไม่ยอมรับ มีการรีดไถเงินหรือไม่ รอการสอบสวนกันก่อน แต่สังคมกังขาไปไกลมาก เพราะมีพิรุธบางอย่าง เช่น กล้องวงจรปิดที่ติดไว้บนศีรษะตำรวจหายไปจริง แต่ ผบช.น. บอกว่าไม่ได้ลบตามที่นายชูวิทย์ออกมาระบุ คนก็ตั้งคำถาม หายไปแต่ไม่ได้ลบ เอ๊ะยังไง แถม นายชูวิทย์ ยังมีการโชว์ต่อสายตรงหาหนุ่มสิงคโปร์ ที่อ้างว่าเป็นผู้ควักเงินจ่ายให้ตำรวจ 27,000 บาทด้วย รอดูว่าหนุ่มคนนี้จะยอมบินกลับมาไทยเพื่อเปิดโปงหรือไม่ และการสอบสวนที่ตำรวจบินไปถึงไต้หวันจะออกมาอย่างไร ถือว่าเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องตามกันต่อ

ขณะที่ในเพจเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ซึ่งเป็นเพจที่เปิดเผยเรื่องราวนี้ ล่าสุด โพสต์ภาพและข้อความของดาราสาวไต้หวันที่บอกว่า เธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อไต้หวันแล้ว รอเพียงการเปิดเผยเนื้อหาของการสัมภาษณ์ว่าจะพาดพิงตำรวจอย่างไร