ซ้อนแผนจับ! สรรพสามิตแสบ อุ้ม-รีดเงิน 3 แสนบาท

View icon 115
วันที่ 19 ม.ค. 2566
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ฉาววงการสรรพสามิตอีกแล้ว เมื่อตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ทำการซ้อนแผนจับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ซึ่งร่วมกับแก๊งชายฉกรรจ์ บุกเข้าไปตรวจค้นร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ โดยจับผู้จัดการและพนักงานร้านอุ้มขึ้นรถไป ก่อนจะไปจอดเพื่อต่อรองเงินค่าปรับสินค้าหนีภาษี จำนวน 3 แสน เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดี แถมยังขู่อีกว่าหากถึงตำรวจจะเรื่องใหญ่กว่านี้

กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ จับภาพกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 6-7 คน ซึ่งลงมาจากรถยนต์สีขาว ที่ขับมาจอดบริเวณหน้าร้าน ก่อนจะบุกเข้าไปภายในร้าน โดยควบคุมตัวพนักงานในร้านที่เป็นชาวเมียนมาขึ้นรถไป พร้อมกับเรียกรับเงินจำนวนกว่า 3 แสนบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวเวลาประมาณ 13.00 น. เมื่อวานนี้

หลังจากกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ได้อุ้มพนักงานของร้านชาวเมียนมาไป ตัวของพนักงานได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าของร้านซึ่งเป็นชาวจีน โดยเจ้าของร้านชาวจีนคนนี้พอทราบเรื่องก็เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ช่วงเวลาประมาณ 15.30 น.พร้อมกับให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิตเข้ามาขอตรวจค้นภายในร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือของตน ก่อนที่จะจับผู้จัดการร้านและลูกน้องชาวเมียนมาขึ้นรถไป โดยเรียกรับเงินจำนวน 3 แสนบาท แลกกับการปล่อยตัว

เจ้าของร้านชาวจีน บอกอีกว่า เปิดขายอุปกรณ์มือโทรศัพท์มือถือมานานแล้ว โดยย้ายจากห้างสรรพสินค้ามาขายที่ตึกแถวแห่งนี้ โดยช่วงที่มาเปิดร้านที่ตึกแถวก็จะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการบางแห่งเข้ามาเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนก็ยอมจ่ายไปเนื่องจากไม่อยากมีปัญหา

กระทั่งช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ ตนเองไม่อยู่ร้าน มีเพียงลูกน้องอยู่เฝ้าร้านกัน 2 คน จู่ ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ 6-7 คน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ขับรถมาจอดหน้าร้าน ก่อนที่จะเข้ามาขอตรวจค้นที่ร้าน พร้อมกับบอกว่าอุปกรณ์ที่จำหน่ายอยู่นั้นผิดกฎหมาย หนีภาษี ก่อนที่จะจับตัวพนักงานขึ้นรถไป

เจ้าของร้านชาวจีน เล่าต่ออีกว่า จากนั้นได้มีการติดต่อกลับมาหาตน โดยบอกว่าต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 3 แสนบาท และตนพยายามต่อรองลงมาจนเหลือ 50,000 บาท ซึ่งตนเองเกรงว่าลูกน้องจะไม่ปลอดภัย และไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ จึงมาแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ

หลังจากได้รับแจ้งความ พ.ต.ต.ชัชพงศ์ ขาวสะอาด สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้ทำการนัดหมายกับผู้เสียหาย โดยให้ผู้เสียหายพูดคุยกับกลุ่มชายฉกรรจ์ตามปกติ และบอกว่าจะนำเงินไปให้ตามตกลง โดยนัดมอบเงินกันที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

สำหรับการซ้อนแผนของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ ได้แบ่งออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกไปดักซุ่มอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน และชุดที่สอง เตรียมรอเข้าจับกุมอยู่ภายนอกปั๊มน้ำมัน กระทั่งถึงเวลานัดหมาย ได้พบรถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีบรอนด์เงิน จอดอยู่ในปั๊มน้ำมัน และมีผู้เสียหายทั้งสองคนนั่งอยู่ในรถด้วย หลังจากนั้น เจ้าของร้านชาวจีน ได้นำซองกระดาษที่ภายในมีเงินจำนวน 50,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐานแล้ว ก่อนจะเดินลงจากรถไปมอบให้กับกลุ่มชายฉกรรจ์

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้สัญญาณกัน โดยเจ้าหน้าที่อีกชุดที่รออยู่นอกปั๊มน้ำมัน ได้ขับรถเข้ามาภายในปั๊มน้ำมัน และเข้าไปปิดล้อมขอตรวจค้น โดยพบว่าในรถมีชาย 3 คน อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพสามิต ส่วนเงินที่พบในรถอ้างว่าผู้เสียหายนำมาให้เพื่อจะไปเสียค่าปรับ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้นำตัวชายทั้งสามคนมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

จากการตรวจสอบภายในรถ พบบัตรราชการ ของ ป.ป.ส.ระบุชื่อ นายสวโรจน์ โฉมงาม ตำแหน่ง เจ้าพนักงานชำนาญงาน สังกัดกรมสรรพสามิต อยู่บนรถ และยังพบเสื้อกั๊กสีดำ ติดโลโก้ของกรมสรรพสามิต 2 ตัว อยู่ในรถด้วย

ทีมข่าวได้สอบถามหญิงสาวที่เป็นผู้จัดการร้าน ซึ่งได้เล่าถึงช่วงนาทีที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้ามาและนำตัวเธอขึ้นรถไป และการถูกข่มขู่จากชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ว่า เปิดเผยว่า

เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่ถูกจับได้เป็นเจ้าหน้าที่ของกรรมสรรพสามิต 2 คน และ พลเรือน 1 คน ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้ยังพบอีกว่มีรถอีกคัน ซึ่งน่าจะเป็นของกลุ่มที่เหลือ หลังพบตำรวจพากันขับหลบหนีไปก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป

ด้าน ร.ต.อ เอกคเณศ งามประเสริฐ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้แจ้งข้อหากลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 2 คน 3 ข้อหา คือ
1.เป็นนเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ

2.เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

3.กรรโชกทรัพย์ ข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ฯ

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การภาคเสธและได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนคนละ 150,000 บาท แต่ทางพนักงานสอบสวน จะรวบรวมพยานหลักฐานนำส่ง ปปช.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และจะสอบสวนติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เหลือตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดมาเนินคดีต่อไป