วันนี้ (28 ธ.ค. 65) เวลา 03.10 น. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สนิท ชูแจ่ม รอง สวป. สภ.เมืองพัทลุง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย นำรถตำรวจ 191 ปิดถนน สายเอเชีย 41 ฝั่งขาขึ้น ในท้องที่หมู่ที่ 2 ต.ท่ามิหรำ อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง หลังได้รับประสานจากตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้ช่วยสกัดรถยนต์กระบะมีรั้ว หรือกระบะคอก ทะเบียน ผผ 3863 สงขลา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลัง ซึ่งได้แหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ได้ใช้รถยนต์สายตรวจตำรวจจำนวน 2 คัน ขับไล่ติดตามมา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง สามารถสกัดจับไว้ได้ พร้อมเข้าควบคุมตัว นายอนุพงษ์ เกล้าเกษ อายุ 30 ปี คนขับ
ขณะเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวนายอนุพงษ์ พูดจาคล้ายคนเมา เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าหนีทำไม ก็อ้างว่าตำรวจโบกให้เข้าเข้าเลนซ้ายและให้ไป พร้อมโต้เถียงเจ้าหน้าที่ต่างๆนานา นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณหลังกระบะบรรทุกหอยลายมาเต็มคันรถ ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 2 ตัน เบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงขวดน้ำต้มพืชกระท่อม พร้อมกันนั้นนายอนุพงษ์ยืนยันว่าเขาไม่ได้เสพยาเสพติด พร้อมท้าให้เจ้าหน้าที่ตรวจได้เลย
ทั้งนี้ นายอนุพงษ์ ได้ขับรถแหกด่านตรวจของตำรวจจากในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขับข้ามจังหวัดมายังตัวเมืองพัทลุง เป็นระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร ซึ่งนายอนุพงษ์บอกว่าได้ไปรับหอยลายมาจากด่านนอก ไทย-มาเลเซีย เพื่อจะนำไปส่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อยู่ในตัวเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ ได้ขับรถเข้าด่านตรวจ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่โบกให้จอด แต่เข้าใจว่าตำรวจโบกให้ไป จึงขับออกจากด่านตรวจ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า นายอนุพงษ์ได้เร่งเครื่องหนีออกมาจากด่านตรวจ จึงรีบไล่ติดตามมา พร้อมเปิดเสียงไซเรน และใช้ไมโครโฟนพูดให้จอด แต่นายอนุพงษ์ก็ไม่ยอมจอด ก่อนจะขับรถไล่ล่ามาถึงช่วงเขตรอยต่อ ระหว่าง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง นายอนุพงษ์ได้ขับรถย้อนศรสวนเลนขึ้นมา เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และได้เบียดชนกับรถของเจ้าหน้าที่จนได้รับความเสียหาย และเลี้ยวเข้าไปภายในซอยหมู่บ้าน ก่อนจะขับรถออกกลับมายังถนนสายเอเชีย ด้วยความเร็วรถอยู่ที่ 140-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วขับมุ่งหน้าเข้ามายังเขตเทศบาลเมืองพัทลุง จนกระทั่งมาจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจพัทลุง ที่ปิดถนนสกัดจับไว้ได้
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ นำตัวไปสอบปากคำและตรวจสารเสพติด รวมทั้งตรวจสอบภายในรถโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
